ขอบอกตรงๆ รู้สึกตกใจมาก หลังจากได้ยินสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่หลายคนวิจารณ์ว่าเป็นรัฐมนตรีกลาโหมที่มีความ
ไม่ลงตัวในหลายประการ แต่สุดท้ายก็ได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมแบบที่สังคมงงๆ งวยๆ 

คำพูดของสุทินที่น่าตกใจคือสิ่งที่สังคมสรุปได้ว่า กองทัพพร้อมจะเข้าไปช่วยดูแลเรื่องขบวนเสด็จพระราชดำเนิน หากตำรวจไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถามว่าทำไมสุทินต้องเร่งร้อนแสดงคำพูดดังกล่าวออกมา ถามว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจหรือทหารในการทำงานสำคัญนี้ ขอให้สุทินตั้งสติดีๆ แล้วถามตัวเองอีกครั้งว่าหน้าที่ในการดูแลถวายอารักขาขบวนเสด็จพระราชดำเนินเป็นหน้าที่ของใคร

แน่นอนว่า กองทัพไทยมีหน้าที่ถวายความปลอดภัยแด่สมาชิกพระราชวงศ์ทุกพระองค์  แต่ก็ต้องรู้ว่าขอบเขตในการทำหน้าที่อยู่ตรงไหน มีเส้นแบ่งเขตชัดเจนอยู่ตรงไหน และเป็นเรื่องดีที่สังคมได้ยินจากปากสุทินว่าทุกเหล่าทัพติดตามเรื่องการก่อเหตุคุกคามขบวนเสด็จพระราชดำเนิน และจะสกัดกั้นมิให้เกิดเหตุไม่บังควรขึ้นอีก แต่ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่าหน้าที่ดูแลและถวายอารักขาขบวนเสด็จฯเป็นหน้าที่หลักของใคร กองทัพมีหน้าที่หลักในเรื่องนี้หรือไม่ หากไม่ใช่ ก็ต้องไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะจะทำให้เสียหลักการทำงาน

กองทัพสมควรจะต้องระมัดระวัง และเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบภารกิจของตนเอง แล้วทำงานตามภารกิจให้ลุล่วงเสร็จสมบูรณ์ทุกประการ แต่หากกองทัพได้รับการร้องขอให้ช่วยในกิจการใดที่เจ้าของงานเดิมไม่สามารถทำได้สำเร็จ หรือไม่สามารถทำให้ลุล่วงได้เป็นอย่างดี ก็จึงเข้าไปช่วยเหลือตามคำขอ

กองทัพมีภารกิจสำคัญคือดูแลรักษาเอกราชของชาติ ให้รอดพ้นจากอริราชศัตรูและภัยพาลจากภายนอกประเทศ แต่ก็มีหน้าที่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศตามคำร้องขอจากหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรง 

กองทัพที่ยึดมั่นในหน้าที่หลักของตนเองโดยเคร่งครัด จะได้รับความศรัทธา ความนิยม และได้รับเสียงยกย่องสรรเสริญจากประชาชน แต่หากกองทัพกระทำการนอกหน้าที่ของตน และไม่ดำรงตนให้อยู่ในกรอบกติกาของกองทัพที่ระบุไว้ ก็เท่ากับกองทัพจงใจทำลายตัวเองให้พังพินาศไป 

ไม่มีใครห้ามกองทัพแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กองทัพต้องดำรงตนให้อยู่ในกฎระเบียบและวินัยของกองทัพอย่างเคร่งครัด อะไรที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของกองทัพ ก็ขออย่าได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายก้าวก่ายงานของผู้อื่น โปรดทำงานของตนเองให้ดีให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ เพียงเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่สง่างามแล้ว ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นเป็นสิ่งสมมุติ มาแล้วก็ไป หรืออาจจะอยู่แล้วก็ไม่ได้เสริมส่งกองทัพ เพราะฉะนั้น กองทัพจึงต้องแน่วแน่ในภารกิจของตนเอง และไม่ควรให้ความสำคัญกับลมปากที่หาสาระไม่ได้จากรัฐมนตรีกลาโหมบางคน