ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาไม่ควรเป็นคนกลางเจรจาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และไม่มีความชอบธรรมด้วยประการทั้งปวงที่ให้ทรัมป์ เป็นประธานลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา (ถ้ามี)
เหตุที่กล่าวเช่นนี้ เพราะมีความรู้สึกว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้ มีอาการคล้ายไบโพลาร์ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่พูดออกไปและเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เขาจึงไม่สามารถยุติสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้
ในเวลาเดียวกันทรัมป์ ก็ไม่สามารถทำให้สงครามยูเครนยุติลงได้ เนื่องจากเขาพูดกลับไปกลับมาเหมือนเป็นไบโพลาร์ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ สงครามในยูเครน ทรัมป์ ประกาศตอนหาเสียงว่า ทำให้สงครามในยูเครนสงบลงภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเขารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองจนบัดนี้ยังมีการยิงขีปนาวุธ ใช้โดรนทิ้งระเบิดใส่กันรายวัน ทั้งชาวยูเครนและคนรัสเซียตายหลายพันศพตั้งแต่ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง
ฉนวนกาซาก็เช่นกัน ทรัมป์ ประกาศว่าต้องหยุดยิงทันทีที่ผมรับตำแหน่งประธานาธิบดี เก้าเดือนในทำเนียบขาว ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งทำให้อิสราเอล-ฮามาส ลงนามหยุดยิงถาวรกันได้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่การหยุดยิงที่ ทรัมป์อ้างเป็นความสำเร็จ วันนี้อิสราเอลยังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ต่อไป ไม่มีการหยุดยิงจริง ซึ่งก็เหมือนกับข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ที่ทรัมป์ยื่นมือมาแทรกแซงให้หยุดยิง เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 จนวันนี้ทหารไทยยังขาขาดจากกับระเบิดของทหารกัมพูชา สถานการณ์ชายแดนยังคงตึงเครียด การปะทะกันพร้อมระเบิดขึ้นได้ทุกเวลา
นั่นคือการเจรจาหยุดยิงที่ ทรัมป์ ประกาศความสำเร็จไปแล้วก็แล้วกันไปไม่รับผิดชอบใดๆ
กรณียูเครนเป็นตัวอย่างชัดเจนพิสูจน์ได้ว่า ทรัมป์ พูดกลับไปกลับมาหาความแน่นอนไม่ได้ หลังจากโทรศัพท์ไปมากับประธานาธิบดีปูตินหลายครั้ง ทรัมป์สรุปเอาเองว่า ทุกฝ่ายยอมยุติสงคราม โดยที่ยูเครนยกดินแดนที่รัสเซียยึดได้ 20% ในเขตลูฮันสค์ เขตโดเนตสค์ และบางส่วนของเขตซาโปริซเซีย และ เขตเคอร์ซอนรวมถึงไครเมียที่รัสเซียผนวกตั้งแต่ ปี 2555 และประธานาธิบดีทรัมป์ ไปไกลถึงขนาดจะลงนามขุดแร่หายากในยูเครน
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ทรัมป์นัดเซเลนสกีไปเจรจาสันติภาพ และลงนามข้อตกลงแร่หายากในทำเนียบขาว แทนที่จะเจรจาทวิภาคี ทรัมป์เปิดเจรจาต่อหน้าผู้สื่อข่าว ทำให้ทีมงานเซเลนสกีอึดอัด เมื่อนักข่าวถามแทรกขึ้นมาระหว่างเจรจา และเมื่อเซเลนสกีพูดถึงความมั่นคงที่ยูเครนกล่าวหารัสเซียลักพาตัวเด็กยูเครนไป 2,000 คน และกล่าวว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลง
หยุดยิงกว่าสองร้อยครั้งตั้งแต่ปี 2555
ประธานาธิบดีทรัมป์ สวนขึ้นมาว่า ทุกอย่างที่พวกคุณพูดมีแต่เรื่องความมั่นคง แต่ผมว่ามาเจรจาตกลงกันให้ได้ก่อนคุณกำลังเดิมพันด้วยชีวิตคนนับล้านคุณกำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่สามสิ่งที่คุณทำช่างดูหมิ่นประเทศของตนเอง เราจะไม่ส่งอาวุธให้อีกแล้ว เราจะทำให้สงครามนี้สิ้นสุดลง เลือกเอาว่าคุณจะตกลง หรือเราจะไม่เอาด้วยแล้ว”
และแล้วเซเลนสกีก็ถูกเชิญออกจากทำเนียบขาว โดยไม่ทันได้ทานอาหารเที่ยงที่เตรียมไว้ ตั้งแต่นั้นมาเซเลนสกีขยาดสหรัฐอเมริกา เที่ยววิ่งหาตัวช่วยใหม่ในประเทศยุโรป
เมื่อกลุ่มบริกส์ และองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ขยายตัวเข้มแข็งขึ้นมา ท้าทายอเมริกามากขึ้นทุกวัน จีน อินเดีย รัสเซีย แท็กทีมกันต่อต้านการขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวของ ทรัมป์ ทำให้สหรัฐตกใจที่จีนอินเดีย รัสเซียเป็นทีมเดียวกันได้ และสหรัฐก็งัดลูกไม้เก่ามาใช้ คือขู่ขึ้นภาษีศุลกากร 100% หากอินเดียยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่นเรนทราโมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียไม่สนใจ เขากล่าวว่าอินเดียค้าขายกับใครก็ได้เพื่อผลประโยชน์ชาวอินเดีย
เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้พบกับประธานาธิบดีปูตินในอลาสก้า ว่ากันว่าเป็นการเจรจาสันติภาพในยูเครน ที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวว่า พูดจากันอย่างสร้างสรรค์ฉันมิตรที่คบหากันมานาน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีข้อตกลงอะไรกันบ้าง และหลังจากนั้นสงครามเวหาก็รุนแรงขึ้นทุกวัน ยูเครนขาดแคลนอาวุธหลักเช่นขีปนาวุธพิสัยไกล ไม่สามารถต่อกรกับรัสเซียได้
ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้อยู่เหนือความคาดหมาย ประกาศอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่าจะมอบขีปนาวุธพิสัยไกล “โทมาฮอว์ก”ให้ยูเครนรบจนชนะรัสเซีย และยึดดินแดนที่เสียไประหว่างสงครามสามปีคืนมาให้ได้ทั้งหมด เมื่อทรัมป์ประกาศออกมาเซเลนสกีเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เร่งวันเร่งคืนนัดหมายเจรจากับประธานาธิบดีทรัมป์
วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าว CNN พาดหัวตัวไม้ “ทรัมป์ ปฏิเสธไม่ให้ขีปนาวุธ“โทมาฮอว์ก” แก่ยูเครน และขอให้ทั้งสองฝ่ายยุติสงครามในทันที
CNN ให้รายละเอียดว่า โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนฝันสลาย ความหวังที่จะได้ขีปนาวุธ โทมาฮอว์ก จากทรัมป์นำไปถล่มรัสเซียล้มเหลว หลังจากเขาเจรจากับประธานาธิบดีทรัมป์ในทำเนียบขาว นอกจากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐ ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบทันทีและตั้งมั่นบนเส้นเขตแดนสู้รบปัจจุบัน
เซเลนสกี เดินทางไปวอชิงตันด้วยความหวัง จะได้รับขีปนาวุธที่ขับเคลื่อนตัวเองระยะไกล ซึ่งเขาเชื่อว่ามันสามารถทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในการสงครามทำลายเศรษฐกิจ “เครมลิน” โดยการใช้โทมาฮอร์กโจมตีเป้าหมายทำลายแหล่งน้ำและโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ที่โทมาฮอว์ก ทะลุทะลวงไปได้ไกลในดินแดนรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม การเปิดประเด็นเจรจาระหว่างทานอาหารเที่ยง (Working lunch) ในทำเนียบขาว ทรัมป์ได้ให้ความหวังว่าสามารถยุติสงครามได้ “โดยไม่ต้องคำนึงถึงโทมาฮอว์ก” และเสริมว่า “โทมาฮอว์กเป็นสิ่งที่อเมริกาต้องมีไว้ใช้ในยามจำเป็น”
เมื่อเซเลนสกี ตระหนักว่าต้องกลับบ้านมือเปล่า เขาพูดกับนักข่าวว่า “เจรจากันอย่างสร้างสรรค์” และไม่ยอมพูดถึงเรื่องโทมาฮอว์ก เพราะรู้ดีว่าสหรัฐไม่ต้องการให้เขาขยายความ
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขาเรียกร้องให้เคียฟและมอสโก ยุติสงครามทันที “คุณต้องหยุดอยู่กับที่ในเส้นเขตแดนการสู้รบ ใครอยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้นมิฉะนั้นมันจะเกิดความสับสน เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าจุดหยุดรบอยู่ตรงไหน” ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อเขาไปถึง เวสต์ปาล์มบีชในฟลอริดา
“และทั้งสองฝ่ายควรกลับบ้าน กลับไปหาครอบครัว หยุดการฆ่าฟันกัน และนั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น” ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า เขาจะสื่อความเห็นนี้ต่อไปถึงเซเลนสกี และ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
CNN ตั้งข้อสังเกตว่า การพบกันเกิดขึ้นหนึ่งวัน หลังจากทรัมป์พูดโทรศัพท์กับปูติน และสัญญาจะพบกันในฮังการี ระหว่างพูดโทรศัพท์ปูติน ย้ำว่า“โทมาฮอว์ก มีพิสัยทำลายไกล เป้าหมายคือเมืองใหญ่ในรัสเซียเช่นมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งไม่มีผลกระทบในสมรภูมิรบ แต่มันจะทำลายความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา”
ยูเครนอยากได้ โทมาฮอว์ก มากเพราะโทมาฮอว์ก มีพิสัยทำลายล้างไกลกว่าอาวุธใดๆที่ยูเครนมีในปัจจุบัน แต่เซเลนสกีก็เข้าใจถึงอารมณ์ผันผวนของทรัมป์ เรื่องมอบโทมาฮอว์กให้ยูเครนหรือไม่ และเขาเชื่อว่าสหรัฐไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าจะไม่ให้ ก่อนหน้าพบกันวันศุกร์ที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ พูดเป็นนัยว่าให้โดรนจากอเมริกาแทนโทมาฮอว์ก
“ยูเครนมีโดรนผลิตเองเป็นหมื่นๆ ลำแต่เราไม่มีโทมาฮอว์ก” เซเลนสกีกล่าวและเสริมว่า “อเมริกาสามารถแลกเปลี่ยนโทมาฮอว์กกับโดรนของเราเป็นหมื่นลำ นั่นเป็นสิ่งที่เราทำร่วมกันได้”
เมื่อครั้งพบปูตินในอลาสก้า ทรัมป์กล่าวว่า “ยูเครนต้องยอมเสียสละพื้นที่บางส่วนเพื่อแลกข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย” ต่อมาเขาเปลี่ยนใจกล่าวว่า ตนเชื่อว่ายูเครนจะชนะสงครามและทวงดินแดนที่รัสเซียยึดได้กลับมาทั้งหมด”
เหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเป็นความชอบธรรมสำหรับคนไทยที่จะบอกว่า “ทรัมป์ไม่เหมาะสมและไม่สมควรเป็นคนกลางเจรจาหรือเป็นประธานลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา (ถ้ามี)
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี