วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ความรักและสามัคคีของคนในชาติ สำคัญกว่าสิ่งใด

ดูทั้งหมด

  •  

เหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่ถูกบันทึกไว้ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะเสียอิสรภาพเป็นครั้งที่ ๒ ให้แก่พม่าในปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ นั้น มีเรื่องที่ถูกกล่าวถึงมากอยู่เรื่องหนึ่งคือเรื่องของชาวบ้านบางระจัน

ในช่วงกลางปีพุทธศักราช ๒๓๐๘ พระเจ้ามังระแห่งราชวงศ์คองบองของอาณาจักรพม่า ได้สั่งให้มีการยกทัพใหญ่เพื่อมาตีกรุงศรีอยุธยา โดยแบ่งออกเป็น ๒ ทัพ  ทัพแรกยกมาทางเหนือมีกำลังพล ๒๐,๐๐๐ คน แม่ทัพคือเนเมียวสีหบดี  อีกทัพหนึ่งยกมาทางใต้มีกำลังพล ๓๐,๐๐๐ คน แม่ทัพคือมังมหานรธา ซึ่งแม่ทัพทั้งสองเป็นผู้ที่มีความเก่งกล้าสามารถในการรบเป็นอย่างยิ่ง โดยในช่วงเวลานั้น กษัตริย์ที่ปกครองกรุงศรีอยุธยาคือ พระเจ้าเอกทัศน์ โดยทางพม่าวางแผนให้ทัพทั้งสองมาบรรจบกันนอกกรุงศรีอยุธยา เพื่อจะร่วมกันเข้าตีกรุงศรีอยุธยาให้พ่ายแพ้และเสียอิสรภาพให้ได้


ทัพที่มาจากทิศเหนือของเนเมียวสีหบดีเคลื่อนทัพมาจนถึงเมืองอ่างทอง ก่อนจะเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา โดยหัวเมืองต่างๆ ไม่สามารถต้านทัพพม่าได้  ทัพพม่าได้กวาดต้อนผู้คนที่เป็นเชลยให้เข้าร่วมกับพม่า รวมทั้งเก็บกวาดทรัพย์สินเงินทอง แต่ที่สำคัญคือจับลูกสาวจากชาวสยามด้วย ทำให้ชาวบ้านแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ เมืองสุพรรณบุรี เมืองสิงห์บุรีและเมืองสรรคบุรีได้รวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับทัพของพม่า

ชาวบ้านที่เป็นผู้นำของกองกำลังของไทยประกอบไปด้วยนายแท่น นายโชติ นายอินทร์  นายเมือง ทั้ง ๔ คนนี้เป็นชาวบ้านศรีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์บุรี รวมทั้งนายดอกเป็นชาวบ้านกรับ นายทองแก้วเป็นชาวบ้านโพธิ์ทะเล เมืองวิเศษไชยชาญ และต่อมาก็ได้ผู้นำเพิ่มเติมคือขุนสรรค์ พันเรืองกำนัน นายทองเหม็น นายจันทร์หนวดเขี้ยว และนายทองแสงใหญ่ รวมเป็นผู้นำที่ทำหน้าที่เป็นนายทัพของค่าย ๑๑ คน ที่ได้ทำการต่อสู้กับกองทัพพม่าด้วยความกล้าหาญ เข้มแข็ง อดทนเสียสละ และมีความรักสามัคคีเป็นอย่างยิ่ง

การรบระหว่างทหารจากทัพพม่าและเหล่าชาวไทยที่รักชาติกลุ่มนี้ซึ่งมีกำลังพลไม่มากนักได้เกิดขึ้นถึง ๘ ครั้ง  ก่อนที่ในที่สุดจากการที่มีกำลังคนที่น้อยกว่าพม่ามาก รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่อาจจะต่อสู้กันได้กับของพม่า  ซึ่งมีทั้งปืนใหญ่ ปืนยาว และอาวุธอื่นๆ ด้วย  ในขณะที่ชาวบางระจันซึ่งแท้ที่จริงนั้นก็ไม่ได้เป็นทหาร มีแต่อาวุธสั้นเช่นมีด ดาบ ขวานเป็นหลัก จึงต้องพ่ายแพ้

การปะทะกันครั้งแรก เกิดจากการที่เหล่าทหารพม่า ที่ออกไปค้นหาลูกสาวชาวบ้านเพื่อจะทำการล่วงเกิน ได้ถูกลวงโดยชาวไทยผู้รักชาติ รุมฆ่าทหารพม่าทั้ง ๒๐ คนจนตายหมดสิ้น หลังจากนั้นก็รวมกันเข้ามาอาศัยที่บ้านบางระจัน แขวงเมืองสิงห์ ซึ่งเป็นที่ที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เป็นรอยต่อเมืองวิเศษไชยชาญ และเมืองสิงห์ เมืองสุพรรณ เป็นจุดที่มีทำเลได้เปรียบข้าศึกศัตรูไม่ว่าจะมาจากทางทิศใด โดยได้ช่วยกันสร้างค่ายอย่างแข็งแรงขึ้นที่นั่น และนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติที่ชาวบ้านทราบว่าเป็นผู้รู้วิชาอาคม จากวัดเขานางบวชแขวงเมืองสุพรรณบุรี มาช่วยปลุกเสกผ้ายันต์ตะกรุดเพื่อคุ้มครองให้กับชาวบ้านด้วย โดยสามารถรวบรวมชายฉกรรจ์เพื่อร่วมต่อสู้ได้จำนวน ๔๐๐ คนเศษ

จากเหตุการณ์ปะทะดังกล่าว ทำให้เกิดการรบระหว่างทหารพม่ากับนักรบค่ายบางระจันครั้งที่ ๑ ที่บริเวณแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ หลังจากพม่าทราบว่า ชาวไทยที่ฆ่าทหารพม่า ๒๐ คนนั้นหนีมาอยู่บ้านบางระจัน จึงยกกำลังมาประมาณ  ๑๐๐ คน เพื่อต่อสู้กับชาวไทย นายแท่นได้เป็นหัวหน้านำกลุ่มผู้กล้าจำนวน ๒๐๐ คนออกจากค่ายไปซุ่มคอยสกัด และเมื่อทหารพม่ามาถึงก็ยกกำลังเข้าตีโดยทหารพม่าไม่รู้ตัวและฆ่าทหารพม่าตายเกือบหมด เหลือเพียงหัวหน้า ๓-๔ คน ที่ขี่ม้าหนีรอดไปได้

เมื่อเกิดการสูญเสียดังกล่าว ทำให้พม่ายกมารบเป็นครั้งที่ ๒ โดยให้นายทัพชื่อ งาจุนหวุ่น คุมกำลัง ๕๐๐ คน  ยกมาปราบชาวบ้านบางระจัน แต่ก็ถูกชาวบ้านต่อสู้อย่างเข้มแข็งและกองทหารพม่าพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

การรบครั้งที่ ๓ พม่าให้ กินจ่าโบคุมกำลัง ๖๐๐ คน เพื่อจะออกมาปราบปรามชาวบ้านบางระจัน แต่ก็แพ้อย่างย่อยยับกลับไปอีกครั้งหนึ่ง

การพ่ายแพ้ไปถึง ๓ ครั้ง  ทำให้เนเมียวสีหบดีเห็นแล้วว่าชาวบ้านบางระจันมิใช่เป็นกลุ่มผู้คนธรรมดา จะประมาทไม่ได้  จึงจัดทัพมีกำลังคน ๑,๐๐๐ เศษ มารบเป็นครั้งที่ ๔ โดยให้ สุรินจอข้อง เป็นนายทัพ ชาวบ้านบางระจันก็เห็นว่าศึกครั้งนี้ไม่ใช่การรบแบบกองโจรแล้ว จึงจัดทัพใหม่เป็นทัพใหญ่ โดยแบ่งกำลังพล ๒๐๐ คนเป็นกองกลาง มีนายแท่นเป็นนายทัพ  กองปีกขวามีกำลังพล ๒๐๐ คน มีนายทองเหม็นเป็นนายทัพ และกองปีกซ้ายกำลังพล ๒๐๐ คน มีพันเรืองกำนัน เป็นนายทัพ รวมทั้งรวบรวมปืนคาบศิลาที่ได้จากการรบกับพม่าในครั้งก่อนๆ ออกมาใช้ในการสู้รบด้วย ซึ่งการรบครั้งนี้เป็นการรบที่ยาวนานตั้งแต่เช้าจนเที่ยงจนบ่ายคล้อย ทั้งสองฝ่ายล้มตายเป็นอันมาก  แต่ในที่สุดฝ่ายไทยก็เอาชนะได้ แต่นายทัพคือ นายแท่น ก็ถูกปืนยิงที่เข่าในช่วงเข้าตีกันชุลมุน  ทำให้ต้องถูกนำตัวกลับออกจากที่รบ

ในการรบครั้งที่ ๕ และที่ ๖  ซึ่งเนเมียวสีหบดีได้สั่งให้เพิ่มทหารให้มากขึ้น แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม  ทัพพม่าถูกตีแตกพ่ายไปเช่นเดิม ดังนั้นเมื่อถึงการรบครั้งที่ ๗ เนเมียวสีหบดีจึงมีคำสั่งให้คัดเลือกทหารที่กล้าหาญจำนวน ๑,๐๐๐ คนและจัดกองทัพโดยมีทั้งทหารม้า ทหารราบ ให้อากาปันขยีเป็นนายทัพ เพื่อยกทัพเข้าขยี้ค่ายบางระจัน หวังให้ราบเป็นหน้ากลอง ในครั้งนี้ทางบ้านบางระจัน ให้นายจันทร์หนวดเขี้ยวเป็นนายทัพร่วมกับขุนสรรค์ซึ่งมีฝีมือการยิงปืนที่แม่นยำ เมื่อเข้าเผชิญกับทัพพม่า ซึ่งทัพพม่าก็ยังแตกยับเยิน ตัวอากาปันขยี ตายในที่รบ ทำให้เนเมียวสีหบดีร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านบางระจันเข้มแข็งและมีจำนวนคนเพิ่มมากขึ้น เกรงว่าจะกลายเป็นทัพใหญ่ที่จะยกมาขนาบตีทัพของพม่า

การรบครั้งที่ ๘ เนเมียวสีหบดีจึงได้ให้ สุกี้ พระนายกอง ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในเมืองไทยและรู้ภูมิประเทศดีเป็นแม่ทัพ โดยตั้งใจว่าจะต้องเผด็จศึกชาวบ้านบางระจันให้ได้  ซึ่งสุกี้ได้เปลี่ยนกลยุทธ์  โดยการโอบล้อมค่ายบางระจันเข้ามาทีละเล็กทีละน้อย แล้วขุดอุโมงค์เข้ามาตั้งค่ายประชิด ใช้ปืนใหญ่ยิงข้ามเข้าไปในค่ายบางระจัน ทำให้ทหารบ้านบางระจันล้มตายเป็นจำนวนมาก และมีวันหนึ่งที่นายทองเหม็นนายทัพคนหนึ่งเมาสุรา จึงขี่ควายนำทหารบุกเข้าไปหวังจะทำลาย ค่ายของพม่าแต่ถูกรุมตีจนตาย รวมทั้งไพร่พลต้องหนีกลับมาทั้งหมด และในที่สุดค่ายบางระจันก็แตก นายทัพบางระจันทั้งหมดเสียชีวิต ชาวบ้านอพยพหลบหนี ส่วนพระอาจารย์ธรรมโชติก็สูญหายไป

ถึงอย่างไรก็จะเห็นว่า พม่าต้องใช้พละกำลังอย่างมากมาย และต้องเข้าตีกองกำลังบ้านบางระจันซึ่งมีความกล้าหาญ สมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจในการต่อสู้กับศัตรูในทุกรูปแบบอย่างไม่เคยย่อท้อ โดยต้องเข้าตีอยู่ถึง ๘ ครั้ง เป็นระยะเวลานานมากกว่า ๕ เดือน จึงสามารถเอาชนะชาวบ้านบางระจันได้

ความสามัคคีของคนในชาติ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง การที่นักการเมืองทั้งหลายเข้ามาบริหารบ้านเมืองโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างอำนาจบารมี เพื่อจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน รวมทั้งมีเป้าหมายในเรื่องผลประโยชน์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง และอำนาจแอบแฝงอื่นๆ ที่อาจจะตามมานั้น จนกระทั่ง เกิดการแก่งแย่งกันอย่างมากมาย แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งพรรคแบ่งพวก และบางกลุ่มยังคิดร้ายต่อแผ่นดิน ถึงขนาดที่พยายามจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ด้วย ซึ่งเห็นได้จากการยุยงปลุกปั่นเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้หลงผิด และพยายามอย่างยิ่งที่จะแก้รัฐธรรมนูญในมาตราที่ ๑ และ ๒ที่กำหนดไว้ว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งความพยายามที่จะลบล้างแต่พูดว่าแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะปกป้องคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ให้คงอยู่คู่ชาติ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่บังอาจที่เลวร้ายอย่างที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่มีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะยอมไม่ได้เป็นอันขาด และจะต้องร่วมกันปกป้องให้ถึงที่สุด

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:05 น. ‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด
21:55 น. นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้
21:43 น. 'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก'เหนือ'ออก'อ่าวไทย'
21:09 น. 'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'
21:07 น. เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 8-14 พ.ย.68
ปภ.เตือน 10 จังหวัดภาคกลาง-กทม. เฝ้าระวังเจ้าพระยาเพิ่มสูง เตรียมพร้อมขนของขึ้นที่สูง
'เพลง ชนม์ทิดา'โพสต์ไอจีล่าสุด! ประกาศสถานะชัดทำชาวเน็ตแห่คอมเมนต์
'นาย ณภัทร'เล่าความเจ็บปวด! 2ปีจิตใจเแตกสลายไม่มีชิ้นดี ทำเพื่อคนอื่นจนลืมความสุขตัวเอง
ไม่ใช่ผู้ชาย! 'บิ๊กโจ๊ก'ตีวงแคบ แฉอดีตนายกฯ ตั้งฐานในต่างประเทศ รับเคลียร์พนันออนไลน์
ดูทั้งหมด
‘แต่ถึงรบไม่ขลาด’ต้องเด็ดขาดกับเขมร
เละเป็นโจ๊ก
ไอ้โม่งจุดจุดจุด?
ผายลมเรื่องไม่มีชายชุดดำ
เจ้าพ่อสแกมลอยนวลอยู่ได้อย่างไร
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'

เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี

เปิดจุดเกิดเหตุ!! สะเทือนชายแดน ทหารเหยียบ'กับระเบิด' สูญเสียขา-บาดเจ็บ

‘กต.’ประท้วง‘กัมพูชา’ ซัดเหตุ‘ทหารไทยเหยียบกับระเบิด’

ปตท.สผ. ถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ศาลแรกในไทย!!! 'สนง.ศาลยุติธรรม'อนุมัติสร้าง'บังเกอร์'ศาลจังหวัดกันทรลักษ์

  • Breaking News
  • ‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด ‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด
  • นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้ นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้
  • \'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช\'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก\'เหนือ\'ออก\'อ่าวไทย\' 'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก'เหนือ'ออก'อ่าวไทย'
  • \'อนุทิน\'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด\'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ\' 'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'
  • เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

10 พ.ย. 2568

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

3 พ.ย. 2568

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

27 ต.ค. 2568

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

20 ต.ค. 2568

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

22 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved