มีข่าวรายงานว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยมีหนี้สินรุงรังล้นพ้นตัว หนี้ท่วมหัวท่วมหู และยังมีข่าวด้วยว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่มีความสามารถชดใช้หนี้สินที่ก่อไว้ จนหลายรายต้องถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์ และหลายรายต้องถูกยึดบ้าน ยึดรถยนต์ ยึดทรัพย์สิน เนื่องจากไม่สามารถชดใช้ หรือชำระหนี้สินได้
ล่าสุดมีข่าวว่าบริษัทบริหารสินทรัพย์ รวมถึงธนาคารเจ้าหนี้ได้ยึดอสังหาริมทรัพย์ได้จำนวนมาก เพราะลูกหนี้ไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้อีกต่อไป ดังนั้น ในทุกวันนี้จึงมีสินทรัพย์ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้าน คอนโดมิเนียมมือสองถูกปล่อยขายในตลาดเป็นจำนวนมาก
นับจากช่วงกลางปี 2566 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ปรากฏเป็นข่าวรายวันว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยติดหนี้เงินกู้ผ่อนซื้อบ้าน แล้วไม่สามารถผ่อนชำระได้ จึงทำให้ถูกฟ้องร้องแล้วยึดบ้าน คอนโดมิเนียมไปเป็นจำนวนมาก และจากข้อมูลหนี้สินในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่าตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับหนี้ที่น่าจะเป็นหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อบ้านและคอนโดมิเนียม มีมูลหนี้ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 โดยมีข่าวยืนยันว่าลูกหนี้กู้ซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ผ่อนชำระหนี้ไม่ได้ แล้วก็สอดคล้องกับตัวเลขยืนยันด้วยว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดมิเนียมในกลุ่มนี้หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่ากลุ่มคนมีรายได้ปานกลางและรายได้น้อย มีกำลังซื้อน้อยลง
แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่คนไทยส่วนใหญ่ยากจน หรือมีเงินไม่พอใช้จ่ายรายเดือน รวมถึงมีหนี้สินก้อนใหญ่จนไม่มีปัญญาชำระหนี้ แต่ทว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทยกลับเป็นคนมีฐานะร่ำรวยขั้นมหาเศรษฐีของประเทศไทย โดยมีข้อมูลจาก ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรัฐมนตรีและภริยามีทรัพย์สินรวมกัน 1,020 ล้านบาท หนี้สิน 10 ล้านบาท และมีข้อมูลด้วยว่าเศรษฐาอยู่ในบ้านหลังละ 176 ล้านบาท และใช้รถยนต์ส่วนตัวราคาคันละ 50 ล้านบาท
มีคำถามคลาสสิกว่าทำไมคนไทยส่วนใหญ่จึงยากจน แล้วทำไมนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจึงร่ำรวย คำตอบเรื่องนี้ตอบได้ยากมาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่จนแสนจน แล้วทำให้นายกรัฐมนตรีรวยล้นฟ้า แต่สิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นข้ออ้างในการตอบคำถามนี้ได้ดี แต่ไม่ค่อยมีคนเข้าใจมากนักคือ มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทย
ถามต่อไปว่าก่อนที่เศรษฐาจะรวยล้นฟ้าแบบนี้ เขาทำมาหากินอะไรมาก่อน หรือว่าเกิดมาก็รวยมาโดยกำเนิด ตอบว่า เศรษฐามาจากครอบครัวที่มีฐานะเศรษฐกิจดี แต่ที่มากกว่านั้นคือเขาสามารถสร้างรายได้อย่างงดงามในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในนามกลุ่มแสนสิริ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นเจ้าของกิจการ แล้วลงสนามการเมืองโดยใช้เวลาเพียง 175 วัน แล้วจากนั้นเศรษฐาก็สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการคว้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปครอง โดยก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย แม้บางคนจะวิพากษ์ว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ที่ถูกเชิดโดยนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร แต่เศรษฐาก็คือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย แต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้นานกี่เดือน อีกไม่นานก็คงได้รู้กัน
การมีนายกรัฐมนตรีเป็นมหาเศรษฐี แล้วจะทำให้ คนไทยส่วนใหญ่กลายเป็นคนมีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นได้หรือไม่ ประเด็นนี้ถูกตั้งคำถามกันอย่างหนัก แต่ก็มีข้อสรุปเบื้องต้นแล้วว่า การมีเศรษฐีเป็นนายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีความร่ำรวยหรืออยู่ดีกินดีได้มากกว่าเดิม เพราะความร่ำรวยของนายกรัฐมนตรีมาจากการมีธุรกิจใหญ่โต และมีโภคทรัพย์มากมายในครอบครอง แต่สำหรับประชาชนส่่วนใหญ่ของประเทศไทยเป็นคนงานในภาคการเกษตร และคนที่อยู่ในกลุ่มอาชีพรับจ้างรายวันและรายเดือน และคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่มีเงินฝากในบัญชีธนาคาร โดยข้อมูลจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากเปิดเผยข้อมูลในช่วงปี 2566 ว่ามีบัญชีเงินฝากภายใต้การคุ้มครองของสถาบันฯ รวม 93.46 ล้านบัญชี และพบว่าในกลุ่มนี้มีเงินฝากในบัญชีน้อยกว่า 5 หมื่นบาท ประมาณ 82 ล้านบัญชี แต่ที่สำคัญคือพบว่าประมาณ ร้อยละ 80 ของกลุ่มนี้มีเงินฝากในบัญชีไม่ถึง 5 พันบาท
วิญญูชนในสังคมไทยไม่ได้หวังว่าคนไทยส่วนใหญ่ จะมีฐานะทางเศรษฐกิจดีเท่าเทียมกับนายกรัฐมนตรี แต่ก็ได้แค่หวังว่านายกรัฐมนตรีผู้เป็นเศรษฐีจะมีปัญญาทำให้คนไทยมีเศรษฐสถานะดีขึ้นบ้าง แล้วก็หวังด้วยว่านายกรัฐมนตรีจะไม่เป็นแค่เพียง Salesman ลอยชาย ที่วันๆ หนึ่ง
ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากบินไปเมืองนอก แล้วก็บินไปจังหวัดต่างๆ ของไทย โดยไม่ได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอย่างจริงๆ จังๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี