วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การเลือกตั้ง สว. จะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ เพราะ สว. ชุดเก่าที่มาจาก คสช. จะหมดวาระลงในเดือนพฤษภาคม 2567 แต่การเลือกตั้ง สว. นี้จะไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งโดยประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งขัดกับหลักการที่ว่า สว. เป็นผู้แทนปวงชน
สว. ชุดใหม่ไม่ใช่ผู้แทนของปวงชนจากที่มา แต่เป็นผู้แทนปวงชนจากการอุปโลกน์โดยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างนั้น เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่อาจกล่าวได้ว่า สว. แบบนี้เป็นกลไกในระบอบประชาธิปไตย แต่กล่าวได้เพียงว่าเป็นการเต้นระบำแบบชะชะช่า คือมีการเลือกกันเอง 3 ระดับ ซึ่งไม่ใช่เป็นการเลือกของประชาชน
การเลือกกันเอง 3 ระดับ คือการเลือกในระดับอำเภอ ในระดับจังหวัด และในระดับประเทศ โดยคนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้เกี่ยวข้องมีเฉพาะผู้สมัคร สว. จากระดับอำเภอเท่านั้น นี่จึงกล่าวว่าเป็นระบบ สว. แบบชะชะช่า
รัฐธรรมนูญกำหนดการเลือกตั้ง สว. ในระบบชะชะช่านี้ว่าให้ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะสมัคร สว. ต้องเลือกประเภทการสมัคร ซึ่งมีอยู่ประมาณ 23 ประเภท เช่น ประเภทนักกฎหมาย นักปกครองหรือประเภทคนแก่ ใครที่มีคุณสมบัติจะต้องไปสมัครในระดับอำเภอก่อน โดยต้องไปสมัครกับหน่วยงานที่รับสมัครที่ กกต.จะกำหนดขึ้น
ผู้สมัครแต่ละประเภทจะทำการคัดเลือกกันเองในระดับอำเภอก่อน โดยผู้สมัครประเภทเดียวกันมีสิทธิเลือกตนเองและผู้อื่นเป็น สว. ประเภทใดประเภทหนึ่งตามที่กำหนด และผู้ได้รับการคัดเลือกก็จะไปทำการคัดเลือกกันเองในระดับจังหวัด
ในระดับจังหวัดก็จะมีการคัดเลือกกันเองในประเภทเดียวกัน ผู้ได้รับเลือกก็จะไปเลือกกันเองในระดับประเทศอีกทอดหนึ่ง
ดังนั้นถ้าพรรคการเมืองใดหรือกลุ่มการเมืองใดสามารถระดมคนไปสมัครในระดับอำเภอให้มีจำนวนมากพอแต่ละประเภทแล้วก็มีโอกาสที่จะได้รับเลือกระดับอำเภอซึ่งถ้าได้รับเลือกเกิน 125 อำเภอ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับเลือกเป็น สว. เกินครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ
เพราะเมื่อพวกคอเดียวกัน พรรคเดียวกัน หรือกลุ่มเดียวกันได้รับเลือกระดับอำเภอแล้ว ก็จะไปเลือกกันในระดับจังหวัดและในระดับประเทศอย่างง่ายดาย
มีการประมาณการกันว่าถ้าในระดับอำเภอสามารถระดมคนไปสมัครได้ตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป ก็มีโอกาสได้รับเลือกในระดับอำเภอ ทั้งประเทศก็ใช้คนไม่ถึง 200,000 คน นั่นหมายความว่าใครระดมคนไปสมัครได้ 200,000 คน โดยเฉลี่ยอำเภอละไม่น้อยกว่า 500 คน ก็มีโอกาสได้รับเลือกเป็น สว. เป็นครึ่งหนึ่งของประเทศไทย
แต่การเลือก สว. นั้นจะต้องกระทำโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จะสมคบ สมยอม หรือฮั้วกันจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย และ กกต. มีอำนาจสั่งระงับ หรือเลื่อน หรือยกเลิกการเลือกตั้ง หรือจัดให้มีการเลือกใหม่ก็ได้
และถ้า กกต. ใช้อำนาจเช่นนี้ก็ต้องมีการเลือกกันใหม่ ลองนึกดูก็แล้วกันว่าจะเกิดโกลาหลกันสักเพียงใด และจะใช้เวลามากน้อยสักเท่าใด เพราะผู้เสียหายจากการสั่งการของ กกต. ก็สามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ ดังนั้นระบบชะชะช่าแบบนี้จึงยังไม่สดใสเท่าใดนัก
ข้อสำคัญคือไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แต่จะชักนำเภทภัยปัญหาการเมืองสู่ประเทศไทยเป็นวงกว้าง และอาจกลายเป็นวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ที่อาจล้มคว่ำกระดานก็ได้
และถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจสมคาดคะเนของคณะร่างรัฐธรรมนูญและบริษัทบริวารที่อยู่ในขบวนการนี้มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และเป็นที่น่าสังเกตว่าผลิตผลของการร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะที่ผ่านมาจะวางหมากวางกลไว้ให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง จนกระทั่งนำไปสู่การยึดอำนาจเหมือนเหตุการณ์ยึดอำนาจ 30 ครั้งที่ผ่านมา
ขณะนี้ สว. ชุดเก่าใกล้จะหมดวาระ แต่อาจสังเกตกิริยาอาการได้ว่าจำนวนมากยังอยากมีอำนาจและผลประโยชน์อยู่เหมือนเดิม ดังนั้นจึงไม่ตั้งตนอยู่ในความเป็นกลางสมฐานะของ สว. แต่ประพฤติตนเป็นลิ่วล้อบริวารกองเชียร์ของอำนาจเผด็จการ และทำการทุกอย่างเพื่อให้อำนาจเก่ากลับคืนมา ก็ย่อมเป็นที่หวังว่าอำนาจเก่ากลับคืนมาพวกตัวก็จะทำมาหากินได้โดยสะดวกเหมือนที่ผ่านมา
จับพลัดจับผลูมีการยึดอำนาจก็มีโอกาสเป็น สว. เหมือนการเป็น สว. หลังรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมาก็ได้ ดังนั้นแรงจูงใจนี้จึงเป็นอาถรรพ์การเมืองชนิดหนึ่งที่กำลังทำให้อุณหภูมิการเมืองของประเทศคุกรุ่นรุ่มร้อนแฝงไว้ด้วยความโหดอำมหิตผิดปกติของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่พร่ำเพ้อกันนักหนา
ขณะนี้พรรคการเมืองใหญ่อย่างน้อยสองพรรคกำลังเรียกร้องให้ประชาชนหรือผู้ที่มีความสนใจไปสมัคร สว. กันให้มากที่สุด เพราะเสียค่าสมัครแค่ 2,500 บาทในระดับอำเภอสามารถเลือกตัวเองได้ และสามารถเลือกผู้อื่นได้อีกคนหนึ่ง ดังนั้นค่าสมัคร 2,500 บาท จึงนับว่าคุ้มมาก
คุ้มเพราะได้เลือกตนเองด้วย ได้เลือกคนที่เห็นว่าดีไปเป็นผู้แทนด้วย และขณะนี้ก็มีผู้สนใจจำนวนมากที่จะไปสมัครกัน การรณรงค์ให้ผู้คนไปสมัครแบบนี้ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการฮั้ว ดังนั้นใครอย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเป็นอันขาดจะขายหน้าเขาเปล่าๆ
ข้อสำคัญก็คืออย่าไปติดเทอร์โบให้กับแนวทางการเมืองของบางพรรคการเมืองซึ่งกำลังเป็นปัญหาเรื่องการยุบพรรคกันอยู่ และเขาก็เตือนแล้วว่าการยุบพรรคคือการติดเทอร์โบทางการเมือง ซึ่งประมาทไม่ได้ เพราะผู้คนจำนวนมากเมื่อเห็นความไม่เป็นธรรมก็จะไปร่วมด้วยช่วยกัน และอาจเกิดผลให้พรรคการเมืองนั้น มี สว. ที่มีความคิดแบบเดียวกันเกินครึ่งหนึ่งของสภา การเมืองก็จะพลิกผันอย่างถาวร และยากจะกลับคืนได้อีกแล้ว

อนาคตสั่นคลอน! 'ปราชญ์ สามสี' ชี้ 'พรรคส้ม' ไม่รอดกระแสชะลอ จ่อเป็น'กาฝาก'ในการเมืองใหม่
ร้านค้าไม่รับสแกนจ่าย 'คนละครึ่งพลัส' หากยอดไม่ถึง 50 บาท
'ปลอดประสพ'น้อมรำลึก 'สมเด็จพระพันปีหลวง' กับการประมงไทย(ตอนที่ 1)
'สงขลา' กำจัด 'ปลาหมอคางดำ' ควบคุมระบาดสัตว์น้ำต่างถิ่น
'กัมพูชา'แถลงเดือด! อ้างไทยขู่ยึดปราสาทตาควายโดยกำลังทหาร ลั่นสูญเสียความไว้วางใจแล้ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี