วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ในช่วงประวัติศาสตร์ระยะใกล้ของประเทศไทยมีความขัดแย้งใหญ่สองระยะเกิดขึ้น คือระยะแรกระหว่างปี 2508-2526 รวม 18 ปี และระยะที่สองตั้งแต่ปี 2548-2566 รวม 18 ปีเช่นเดียวกัน และจนบัดนี้แม้จะเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2566 แล้ว แต่ความขัดแย้งใหญ่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง ซึ่งหมายความว่าความขัดแย้งรอบหลังนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงได้
พวกหนึ่งต้องการกระชับอำนาจให้เป็นแบบเก่าที่เคยมีอำนาจอยู่ ถึงขนาดลำพองประกาศว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการท้าทายที่โจ่งแจ้งรุนแรงที่สุด เพราะแบบเก่าที่เคยเป็นนั้นคือต้นเหตุของความขัดแย้งใหญ่ และมีการต่อสู้ทุกรูปแบบกันมาถึง 18 ปีแล้ว ถึงขนาดยุบพรรค 2 ครั้งปลดนายกรัฐมนตรี 3 ครั้ง และรัฐประหาร 2 ครั้ง ถ้ายังไม่สำเหนียกกันก็จะต้องมีการยึดอำนาจครั้งที่ 3 อย่าได้สงสัยเลย
ความขัดแย้งในรอบ 18 ปีหลังนี้ใหญ่หลวงนักเป็นความเสียหายหลากหลายใหญ่หลวงในทุกด้าน ทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม เกิดความแตกแยกรุนแรงร้าวลึกลงไปถึงฐานรากของสังคมไทย กระทบไปถึงสถาบันสูงสุดของประเทศด้วย เพราะถูกดึงลงมาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทำลายล้างกัน และเวลายิ่งเนิ่นนานไปบรรดากาฝากก็บังเกิดขึ้นและเจริญเติบโตในทุกแหล่งอำนาจ จนน้ำหนักและความใหญ่โตของกาฝากนั้นกำลังเป็นภาระใหญ่หลวงที่ประชาชนไม่สามารถทนแบกได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำเข้ามาอีก
ขณะนี้มีการเสนอแนวความคิดก้าวข้ามความขัดแย้งเริ่มต้นประเทศไทยใหม่ โดยให้นิรโทษกรรมแก่ทุกฝ่าย มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเรื่องนี้ในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และคณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าจำเป็นต้องตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ทุกฝ่าย โดยไม่รวมความผิดที่กระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นความเห็นของคณะอนุกรรมาธิการ โดยไม่เคยคำนึงถึงหรือขอเข้าเฝ้าฯ ขอรับพระราชทานกระแสพระราชดำริเลยแม้แต่น้อย นับเป็นการบังอาจอย่างหนึ่งที่สมควรต้องติเตียนไว้ในที่นี้ เพราะเท่ากับดำรงความขัดแย้งไว้ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ให้จบสิ้นลง โดยมิได้คำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย กล่าวได้ว่าอยู่ใต้ฟ้าแต่ไม่รู้จักฟ้า มิหนำซ้ำ สิ่งที่ทำอาจเป็นเหตุให้คนทั้งหลายรุมกันด่าว่าฟ้าไม่ทรงธรรม
บทเรียนทั้งหลายย่อมมีค่าแก่ผู้ใฝ่ใจศึกษา และเป็นประโยชน์ต่อผู้ปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ในเรื่องนี้เราก็มีบทเรียนที่อุดมสมบูรณ์ นั่นคือบทเรียนของการแก้ไขความขัดแย้งรอบแรกที่เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งถือว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นความขัดแย้งในเชิงอุดมการณ์และรากฐานสังคมไทย ถึงขนาดทำการต่อสู้กันด้วยกำลังอาวุธประสานกันทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่เห็นด้วยช่วยกันได้เปิดการต่อสู้ด้วยอาวุธและขยายวงออกไปถึง 47 จังหวัด ขยายการจัดตั้งมวลชนและเข้ามายังทุกสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ มีผู้เสียชีวิตจากการต่อสู้ด้วยอาวุธเฉพาะฝ่ายเจ้าหน้าที่ปีละถึง 1,400 คน และ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องเสด็จฯไปพระราชทานเพลิงศพกันตลอดเวลา
ในระหว่างประเทศก็มีความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านและระดับมหาอำนาจของโลกด้วย แต่ในที่สุดความขัดแย้งก็สิ้นสุดลงด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณต่อพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9พระราชทานพระราชกระแสแก่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ว่าความขัดแย้งต่อสู้กันด้วยอาวุธดำเนินมานานเต็มทีแล้วไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จสิ้นลง จำเป็นต้องแสวงหาหนทางสันติคือให้ความเมตตาแก่ทุกคน หยุดความขัดแย้งทั้งหมดให้ทุกคนกลับคืนสู่สังคม ทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของประเทศต่อไป
รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก็รับพระราชกระแสและมอบให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รับผิดชอบปฏิบัติ จนกระทั่งมีคำสั่งนโยบาย 66/2523 ให้ทุกคนกลับคืนสู่สังคมอ้อมอกพ่อแม่และสังคมไทยเพื่อร่วมกันพัฒนาชาติไทย โดยไม่ถือว่ามีโทษทัณฑ์ในความผิดทุกประเภท แม้กระทั่งความผิดฐานฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ
หรือใช้อาวุธปืนยิงใส่ขบวนเสด็จฯ จนเป็นเหตุให้ข้าราชบริพารคนสำคัญเสียชีวิตมาแล้ว
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รับสนองพระราชกระแสอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็สัมฤทธิผล สามารถยุติความขัดแย้งได้อย่างสิ้นเชิง พี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่มีความขัดแย้งกันได้วางอาวุธและกลับเข้าสู่อ้อมอกของญาติพี่น้อง สังคมไทย เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยโดยไม่มีความผิดติดตัว ยุติปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างไมตรีกับประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ประเทศไทยจึงกลับคืนสู่ความปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง
ความสำเร็จในการแก้ไขความขัดแย้งลึกซึ้งหนักหน่วงที่สุดของโลกและกินระยะเวลานานที่สุดในโลกก็สิ้นสุดลงได้ด้วยน้ำพระทัยพระเมตตาและพระปัญญาทัศน์ที่ถือเอาสันติสยบความขัดแย้งได้สัมฤทธิ์ผล จนเป็นเหตุให้ทั่วโลกถวายพระราชสมัญญาว่า มหาราช จนบัดนี้
น้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 นั้น พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งยังทรงประกาศพระบรมราชโองการไว้ว่าจะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระบรมราโชบายของสมเด็จพระบรมราชชนกเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนตลอดไป อันเป็นน้ำพระทัยที่สูงส่งและฉ่ำเย็นที่สามารถระงับความขัดแย้งทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องวางความขัดแย้งส่วนบุคคลลง อัญเชิญพระราชกระแสและพระบรมราโชบายในการระงับความขัดแย้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงประกาศที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาประพฤติปฏิบัติให้สำเร็จ เพื่อนำชาติบ้านเมืองออกจากความขัดแย้งให้จงได้

ทุ่นระเบิดเขมร ทำสันติภาพโลกสั่นคลอน ไม่มีบทลงโทษใดใดจากภาคีสมาชิก
'อนุทิน'บินด่วนอุดรฯ ส่งหัวใจดวงที่153 หลังจบครม.นัดสุดท้าย บอกปีใหม่ไม่หยุด ไปชายแดน
เจษฏ์ ปูด ทุนเทา ทุ่มแสนล้านซื้อประเทศ หัวละ 4000 ยึดอำนาจรัฐ
ทนายน้ำมนต์ เดือด นำทีมผู้สมัครหญิง สส กทม ของพรรค ประณาม โดม ปกรณ์ ลัม
ภูมิใจไทยส่ง'นรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์' ลงสู้ศึกพญาไท ลุ้นเจาะไข่แดง กทม.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี