นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พฤษภา 2435/2453 Two Bloody Cruel Mays 1992/2010 สองอาชญากรรมโดยผู้ปกครองรัฐไทย
นายชาญวิทย์ คงเลอะเลือนหรือไม่ก็ฝังใจกับการปล้นพระราชอำนาจปล้นพระราชทรัพย์ ปี 2475 ถึงได้เขียนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 กับคนเสื้อแดงเผาบ้านเมืองปี 2553 เป็น พ.ศ. 2453 กับ 2435และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเฒ่าส้มคนนี้ คือ พยายามเน้นว่า เหตุร้ายเกิดขึ้นในแผ่นดินไหน และใครเป็นผู้ห้ามทัพ ผู้เขียนซึ่งอยู่ในเหตุการณ์คนร้ายเผาบ้านเผาเมืองทั้งสองเหตุการณ์ ขอยืนยันว่าสองเหตุการณ์ร้ายที่เฒ่าส้มบิดเบือนนั้นว่าเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน และที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลป้องปรามไม่ให้ประเทศไทยล่มสลายวอดวายไปทั้งชาติ
สำหรับเหตุการณ์ที่เรียกกันติดปากว่าพฤษภาทมิฬ 2535 นั้น ผู้เขียนเห็นมากับตาและมีพยานยืนยันว่า พวกผีห่าซาตานที่เผาทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้านั้น ไม่ใช่คนที่มาจากฝ่ายผู้ชุมนุมแต่มันเป็นพวกผีห่าซาตานที่นรกส่งมาสองด้าน คือมาทางสะพานปิ่นเกล้า และ ออกจากทางภูเขาทอง ผู้เขียนซึ่งเช่าโรงแรมรัตนโกสินทร์เป็นสำนักงานชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2535
วันที่ 17 พฤษภาคม ลงไปทำข่าวผู้ชุมนุมในสนามหลวง เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้ปราศรัยในเวทีพูดว่า “...มันยึดอำนาจ ยึดทำเนียบรัฐบาล ยังไม่พอ มันมายึดส้วมพวกเราอีก..” ผู้ปราศรัยเล่นมุขนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ กทม.นำรถสุขาเคลื่อนที่ไปจากที่ชุมนุม เพื่อกดดันให้ผู้ชุมนุมลดน้อยลง ผู้ปราศรัยบนหลังคารถพูดต่อว่า..“พวกเราต้องไปขับถ่าย (ขอใช้ภาษาสุภาพ)ใส่ทำเนียบไปขับถ่ายใส่หน้าบ้าน...” ผู้ปราศรัยพูดได้แค่นั้น ผู้ชุมนุมก็เฮละโลออกจากสนามหลวงอย่างชุลมุนวุ่นวาย ไม่เป็นระเบียบ ผู้เขียนเช่าจักรยานยนต์ให้แซงขบวนออกไปทางถนนราชดำเนินนอก ไปถึงกระทรวงเกษตรฯ พบว่า สองฝั่งถนนราชดำเนินนอก กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติกองสวัสดิการสตรีและเยาวชน ถูกเผา โรงพักนางเลิ้งถูกบุกทำลาย และปล่อยผู้ต้องขังทั้งหมด กรมโยธาฯและอาคารสำนักงานอื่นๆ ถูกไฟไหม้ ผู้สื่อข่าวยุคนั้น ติดตามข่าวเรียลไทม์ ได้จากวิทยุสื่อสารที่รับสัญญาณจากตำรวจและหน่วยกู้ภัยได้ ประมาณหนึ่งทุ่ม มีคนกลุ่มหนึ่งเดินแถวเรียงสามออกมาทางภูเขาทอง รถพลิกคว่ำเผาทำลายยานพาหนะทุกคัน อยู่บนถนนราชดำเนินนอก รวมทั้งรถจักรยานยนต์ที่เราเช่าไป
ประมาณ 19.30 น. เสียงปืนยิงดังรัวมาจากสะพานมัฆวานฯ ณ เวลานั้น ผู้เขียนกับปิยะ (นักข่าวเนชั่น) วิ่งหนีเข้าไปอยู่ในอาคารการบินไทย ถนนหลานหลวง ปีนบันไดหนีไฟขึ้นไปสังเกตการณ์บนชั้น 5 ของอาคารการบินไทย เสียงปืนรัวขึ้นฟ้าขับไล่พวกผีห่าซาตานออกไปรถดับเพลิงสองสามคันเคลื่อนเข้ามาที่ที่ไฟไหม้ ผู้ชุมนุมที่อยู่ในถนนราชดำเนินในกลุ่มหนึ่งพยายามปีนไต่ท่อน้ำประปาเข้ามาดูเหตุการณ์เกิดการชุลมุนเล็กน้อย
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้เขียนเดินตามหลัง พลเอกปฐมพงษ์เกษรศุกร์ (จำยศตอนนั้นไม่ได้) ซึ่งนำแถวทหารหนึ่งชุดกลับมาถึงโรงแรมที่พัก สังเกตการณ์และรายงานข่าวจากห้องพัก จนกระทั่งตกค่ำ มีการเผากรมประชาสัมพันธ์และระเบิดรถบรรทุกน้ำมัน ในตอนดึกของคืนนั้นในเวลาเดียวกัน มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามขับรถบัสที่ยึดมาผ่าแนวทหาร กล่าวสรุปว่าผู้เผาทำลายก่อเหตุร้าย ไม่ใช่คนจากที่ชุมนุม ดังที่เฒ่าส้ม กล่าวหาว่ารัฐไทยก่ออาชญากรรมทำลายคนไทยตายไป 44 ศพ ตรงกันข้ามหากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ปราบปรามพวกผีห่าซาตานในคืนนั้น ป่านนี้กรุงรัตนโกสินทร์คงถูกเผาทำลายร้ายแรงกว่าพม่าเผากรุงศรีอยุธยา หลังจากพม่ายึดได้ในปี 2310
สำหรับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในปี 2553 นั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยและชาวโลกทั่วไปว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย เป็นฝ่ายถูกกระทำ ถูกฆ่าทำลายโดยฝ่ายเสื้อแดง ที่เป็นสมุนบริวารคนแดนไกล วันที่ 10 เมษายน ทหารที่ปราศจากอาวุธปืน มีแต่กระบองกับโล่เคลื่อนตัวเข้ามาจากสี่แยกคอกวัว ถูกคนชุดดำที่อยู่หลังการชุมนุมระดมยิงด้วยปืน AK ปืนเอ็ม-16 ตายไป 19 ศพรวมทั้งนักข่าวทีวีญี่ปุ่นและได้รับบาดเจ็บหลายร้อย คืนวันที่10 เมษายน 2553 ก็เช่นกันกองทัพบกไทยสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เมื่อ พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม ถูกลอบสังหารโดยการยิงระเบิด/ขว้างระเบิด ใส่รถยนต์ท่านนั่งมาตรวจการ ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา
และทหารสองนายที่นั่งมาในรถจีเอ็มซีถูกกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายลากตัวลงมาทำร้ายปางตาย ใกล้สวนลุมพินี นอกจากนั้นทหารที่เข้าไปควบคุมศูนย์สื่อสารไทยคม ที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่คนเสื้อแดงใช้สื่อสารกับเจ้านายของพวกเขาที่อยู่แดนไกล ถูกคนเสื้อแดงปิดล้อมทำร้ายทหาร แล้วสั่งให้ทหารคลานลอดระหว่างขา แต่ทหารไทยไม่ยอม ยังมีเหตุการณ์ร้ายที่คนเสื้อแดงกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ก่อการร้ายรายวันเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปและในยุคนั้นตำรวจไทย เป็นผู้สนับสนุนคนเสื้อแดงเกือบ 100%
ในเดือนเมษายน 2553 คนเสื้อแดงเหิมเกริมถึงขนาดบุกค้นโรงพยาบาลจุฬาฯ อ้างว่า ทหารไทยซ่องสุมอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งในขณะนั้นสมเด็จพระสังฆราช รักษาพระอาการประชวร อยู่ในโรงพยาบาลจุฬาฯ เจ้าหน้าที่ต้องย้ายพระองค์ท่าน หนีโจรเสื้อแดงกันชุลมุนวุ่นวาย
ความร้ายแรงของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ซ่อนตัวอยู่กับผู้ชุมนุมเสื้อแดงสร้างความเสียหายทำให้ชาวบ้านธรรมดา ตลอดถึงตำรวจ ทหาร บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจนต่างชาติมองว่าประเทศกลายเป็นรัฐล้มเหลวไปแล้วและสุดท้ายกองทัพไทยกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่อดทนอดกลั้นมานาน และเพื่อป้องไม่ให้ประเทศไทย กลายเป็นรัฐล้มเหลวเลยตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน แล้วส่งทหารเข้ามากระชับพื้นที่ชุมนุมคนเสื้อแดง ที่ยึดพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าตั้งแต่สี่แยกราชประสงค์ตลอดถนนราชดำริไปถึงสีลม ตั้งแต่โรงแรมเอราวัณมาถึงศูนย์การค้าสยามและสยามพารากอนเป็นเวลาหลายเดือน
และทันทีที่ทหารขยับกระชับพื้นที่แกนนำคนเสื้อแดงก็ถูกตำรวจในสังกัดของนายใหญ่กันตัวออกไปจากเวทีสี่แยกราชประสงค์ แล้วเปิดเครื่องขยายเสียงให้ปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงอยู่ในบริเวณสำนักงานตำรวจฯนานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า แกนนำเสื้อแดงถูกนำไปอยู่ในที่ปลอดภัย ในอำเภอชะอำ
เมื่อแกนนำเสื้อแดง เข้าไปอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างปลอดภัยแล้ว กองกำลังไม่ทราบฝ่ายซึ่งเป็นไปได้สูงว่า มีทหารจากเพื่อนบ้านร่วมอยู่ด้วยออกปฏิบัติการต่อสู้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยของไทยที่ถูกส่งเข้ามากระชับพื้นที่ทหารไทย เข้ายึดที่ซ่อนตัวกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้ในอาคารหลังหนึ่งใกล้สวนลุมพินีได้
ในเวลาเดียวกัน กองกำลังเสื้อแดงติดอาวุธก็กรูเข้าปล้นชิงวิ่งราวเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งอยู่ใกล้ที่ชุมนุม ตามคำพูดของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่า “คนเสื้อแดง เวลาตกใจแล้ววิ่งเข้าศูนย์การค้าคว้าอะไรได้ ก็หยิบฉวยเอาด้วยความตกใจ...”
ในเวลาเดียวกัน กองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนลุมพินี ในถนนราชประสงค์ ในวัดปทุมวนาราม และกองกำลังติดอาวุธ ที่อยู่หลังเวทีเสื้อแดงบนถนนราชดำเนิน เมื่อได้ยิงเสียงปืนทหารยิงขึ้นฟ้า กระชับพื้นที่เข้าใกล้เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ก็ออกต่อต้านทหารตามที่รับคำสั่งจากคนแดนไกล มาว่า “ผมแพ้ไม่ได้”มีรายงานว่า คนที่ขัดขืนไม่หยิบปืนขึ้นมาสู้กับทหาร ถูกพวกเดียวกันยิงตายในสวนลุมพินีสี่คน ส่วนในวัดปทุมฯนั้น ก็ถูกพวกเดียวกันยิงตาย เพื่อโยนความผิดให้ทหาร
ส่วนคนอีกกลุ่มที่เตรียมการให้เผาทำลายก็ออกปฏิบัติการเผาบ้านเผาเมือง เริ่มต้นจากเผาโรงหนังสยาม เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และธุรกิจการค้า ธนาคารกว่าสามสิบจุด จนเมืองหลวงของประเทศไทย กลายเป็นทะเลเพลิง ในต่างจังหวัดแนวร่วมเสื้อแดง ก็ปฏิบัติตามคำสั่งจากศูนย์กลางแดงทั้งแผ่นดิน ให้ไปชุมนุมกันที่ศาลากลางจังหวัดทำตามแผนการร้ายทำลายประเทศไทย ศาลากลางจังหวัดในภาคอีสานถูกเผาทำลายไป 17 แห่ง และต่อมาคนเสื้อแดงถูกจับข้อหาวางเพลิงหลายสิบคน
เล่าเรื่องคนเนรคุณแผ่นดินเกิด ผู้สั่งการสมุนบริวารสมคบกับกลุ่มติดอาวุธจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำลายประเทศไทยมาจากแดนไกล ให้เข้าใจกันคร่าวๆ เท่าที่พอจำได้ เพื่อป้องปรามเฒ่าส้มผู้พยายามกัดกร่อนบั่นทอนสถาบันหยุดความพยายามสร้างกระแสทำลายประเทศไทยในวาทกรรมที่ว่า รัฐไทยก่อสองอาชญากรรมทำลายคนไทยไปร้อยกว่าศพ
และเพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่ได้สำนึกว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องปรามเฒ่าส้มตลอดถึงหัวล้านหัวขาวหัวดำคุณป้าพ่อยกแม่ส้มเน่า สามนิ้ว และพวกทะลุต่างๆทั้งหลายได้สำเหนียก ว่า ในห้วงเวลากว่าสองทศวรรษแห่งความมืดมนที่คนไทยขัดแย้งแตกแยกกันเอาเป็นเอาตายนั้น ต้นตอของปัญหามาจากใครคนในตระกูลไหน?ใครเป็นหัวหน้าโจรปล้นประเทศไทย ใครคือผู้อยู่เหนือกฎเกณฑ์อยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายที่ย่ำยีหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
ความชั่วร้ายทั้งหมดที่เริ่มต้นตั้งแต่ทศวรรษ 2540 บัดนี้ต้นตอของความชั่วร้ายทำลายทุกสถาบันในประเทศไทย ซึ่งห่างหายจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ไปนานหลายปี บัดนี้มันหวนกลับมาแล้วหรือไม่ และมันได้รวบรวมความชั่วร้ายทั้งหลายไว้ใต้อุ้งตีนมันแล้วหรือไม่? เป็นสิ่งที่คนไทยต้องพิจารณาด้วยสติปัญญาว่าก้าวต่อไปคนไทยต้องทำอย่างไร
และถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนแก่ใกล้ตายได้ลืมความรุ่งโรจน์ในอดีต และต้องสำเหนียกว่าโลกมันเปลี่ยนไปความรู้ความคิดอุดมการณ์ที่มีตั้งแต่ปี 2475มันหลงยุคล้าสมัย ใช้ไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ และถึงเวลาแล้วหรือยังที่คณะราษฎรยุคใหม่ ซึ่งตกเป็นเหยื่อการปลุกระดมของพรรคการเมือง ได้ระลึกคำพูดของ นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าผู้ก่อการฝ่ายพลเรือน ที่พูดกับสื่อฝรั่งว่า “เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจ” นั่นหมายความว่า อย่าเอาตำราฝรั่งมาทดลองเล่นกับประเทศไทย ถ้ายังไม่ต้องการไปตายต่างประเทศ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี