เรื่องของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นั้นได้ทำให้ระบบนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเปื่อยยุ่ย อันเนื่องมาจากการที่นักโทษรายนี้ได้รับการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน โดยการเอื้อประโยชน์ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ถึงแม้ว่า วันนี้ทักษิณจะได้รับการพักโทษโดยไม่เคยติดคุกแม้แต่นาทีเดียว และกำลังใกล้จะพ้นโทษในเดือนสิงหาคมอีกสี่เดือนข้างหน้าก็ตาม แต่คนที่จะเดือดร้อนต้องรับเคราะห์กรรมแทน“ทักษิณ ชินวัตร” ก็คือบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งรัฐมนตรี ข้าราชการในกรมราชทัณฑ์ และแพทย์พยาบาลในโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีคดีความที่ถูกร้องและอยู่ระหว่างการพิจารณาสอบสวนทั้งหมด 24 เรื่อง ทั้งที่ศาลปกครองกลาง และ ป.ป.ช.
ณ เวลานี้ สังคมไทยได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า “ทักษิณ ชินวัตร”และครอบครัวตระกูลชินวัตรหลงเหลิงแสดงตนอย่างไม่เคารพและเกรงใจใครทั้งสิ้นเป็นเทวดาที่ยืนและเดินอยู่บนหัวของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
“ทักษิณ ชินวัตร”ไม่สำนึกและไม่ละอายใจกับสิ่งชั่วร้ายที่ได้เคยกระทำไว้กับบ้านเมือง ได้รับการพักโทษให้กลับไปติด“คุกเทียม”ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แต่ก็ปรากฏว่าหลักเกณฑ์เงื่อนไขของกรมคุมประพฤติมิอาจบังคับใช้ได้กับ“นักโทษเทวดา”ผู้นี้ ทักษิณคิดจะไปไหนมาไหนก็ทำได้เหมือนสุจริตชนคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักโทษ
เหาะเหินเดินอากาศด้วยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัว เดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า รับแขกบ้านแขกเมือง และเป็นนักโทษที่คนเปรียบเปรยว่าเป็น“จอมโจร”ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ยังต้องเข้าไปกราบขอพร
นักโทษคดีทุจริตประพฤติมิชอบโกงชาติโกงแผ่นดินผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นนักโทษที่มีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่นๆ กว่า 2 แสนคน ที่ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกด้วยกฎหมายฉบับเดียวกันเท่านั้น แต่ก็ยังมีอภิสิทธิ์เหนือคนไทย 70 ล้านคนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันกับ“ทักษิณ ชินวัตร”อีกด้วย
ถามว่า ถ้าคนไทยทั้ง 70 ล้านคนประพฤติปฏิบัติเยี่ยงเดียวกับนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร หรือมี“ดีเอ็นเอ”ของตระกูลชินวัตร อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศนี้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมาสะท้อนภาพได้ชัดเจนว่า
“เรายืนอยู่บนจุดที่แบ่งฝ่ายกันระหว่างความถูกต้อง กับความไม่ถูกต้องของบ้านเมือง การนิ่งเฉยดูดายกับกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน ประเทศจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ถ้ายังไม่มีคำตอบใดๆ ให้กับประชาชน อภิสิทธิ์ชน เทวดา ต้องไม่มีในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จะทำให้ประเทศล่มสลาย สังคมอ่อนแอ โจรจะเหิมเกริม เดินตัวใหญ่คับแผ่นดิน”
อย่างที่บอกในตอนต้นว่า คนที่จะเดือดร้อนต้องรับเคราะห์กรรมแทน“ทักษิณ ชินวัตร” ก็คือข้าราชการในกรมราชทัณฑ์ และแพทย์พยาบาลในโรงพยาบาลตำรวจ เพราะ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ลงไว้ในเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ว่า “ผมจะไปร้อง ป.ป.ช. กรณีที่มีการช่วยเหลือนักโทษป่วยไม่จริงและช่วยเหลือการพักโทษ พร้อมหลักฐานสำคัญ วันจันทร์ที่ 22 เมษายนนี้เวลา 10.30 น.”
นั่นก็หมายความว่า ในวันนี้ (22 เมษายน) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม มือปราบคนโกงที่เคยทำให้“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ต้องกลายเป็นนักโทษหนีคดีจนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการประจำในกระทรวงพาณิชย์ต้องติดคุกจากคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวมาแล้ว จะไปยื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.เป็นการตอกฝาโลงกรณี“ทักษิณ ชินวัตร”หลังจากที่เคยยื่นไปแล้วก่อนหน้านี้
ข้าราชการที่จะต้องหนาวๆ ร้อนๆ และอยู่ในข่าย นอกเหนือจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะข้าราชการการเมืองแล้ว ก็ยังมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์, พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เพราะบุคคลดังกล่าวนั้น ล้วนมีชื่อในคำร้องที่มีผู้ยื่นต่อศาลปกครองกลาง และป.ป.ช.ไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในกรณีที่มีส่วนช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้แก่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณชินวัตร ออกไปพักรักษาตัวนอกเรือนจำโดยไม่ต้องติดคุกจนกระทั่งได้รับการพักโทษ
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะว่าไปแล้ว หนังชีวิตเรื่อง“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เกี่ยวข้องกับประเทศนี้ เพียงแค่ฉากแรกของการปูเรื่องก็พอจะคาดได้ว่า ความอเนจอนาถจาก“โศกนาฏกรรม”ที่จะเกิดขึ้นในวันหน้านั้นเป็นอย่างไร
แค่ 7 เดือนที่“ทักษิณ ชินวัตร”กลับเข้ามาประเทศไทยหลังจากหนีไปกว่า 15 ปี ไม่เพียงแต่จะมีข้าราชการและนักการเมืองที่ทอดตัวรับใช้อาจจะต้องติดคุกเท่านั้น ความฉิบหายวายป่วงที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีทักษิณคอยชักใยและบงการก็ยังจะมีตามมาอีกหลายระลอก
เงิน 5 แสนล้านบาทที่จะนำออกมาล้างผลาญตามโครงการแจกเงิน“ดิจทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท” นี้ก็คือความวิบัติฉิบหายที่มองเห็น เพราะเงินก้อนมหาศาลจำนวนนี้จะไปเข้ากระเป๋าทุนใหญ่ โดยที่ประชาชนต้องแบบรับภาระหนี้สิน และที่สำคัญในภาวะสถานการณ์โลกซึ่งไฟสงครามกำลังขยายวง จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำเงินออกมาถลุงแบบล้างผลาญ
เพราะแค่เหตุการณ์สู้รบในประเทศเมียนมาที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และมีชาวเมียนมาอพยพหนีภัยเข้ามาเป็นจำนวนมากในเวลานี้ คนที่เดือดร้อนในเบื้องต้นพร้อมกับผู้อพยพก็คือประเทศไทย ซึ่งต้องตกอยู่ในสภาพ“เตี้ยอุ้มค่อม” ในการใช้เงินงบประมาณเพื่อดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมียนมาเหล่านี้ ทั้งการจัดตั้งค่ายผู้อพยพ อาหารการกิน เครื่องนุ่มห่ม และยารักษาโรค โดยที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด
อีกเรื่องหนึ่ง ที่ถือว่าอยู่ดีไม่ว่าดี กำลังเล่นกับไฟกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอกฎหมายแก้ไขเกี่ยวกับการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พูดตรงๆก็คือ จะให้ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเข้าไปล้วงลูกในการโยกย้ายแต่งตั้งแม่ทัพนายกองของเหล่าทัพได้
อย่างที่เคยบอกไว้ในคอลัมน์นี้ “ทักษิณ ชินวัตร”กลับมาพร้อมกับ“ระบอบทักษิณ” ที่บริหารประเทศด้วยระบบ“ทักษิโณมิกส์”หรือ“ประชานิยมแบบทักษิณ” และรวมศูนย์อำนาจบริหารราชการแผ่นดินแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว-ชนิดที่ว่าต้องล้วงลูกกองทัพได้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี