ความโง่เขลาเบาปัญญาของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธารชินวัตร” ที่พูดเรื่องแบงก์ชาติจากการท่องจำบทที่มีคนเขียนให้แท้ๆ สังคมไทยจึงได้เห็นภาพชัดเจนว่าใครเป็นใคร
บรรดาข้าทาสบริวารของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ต้องกระโดดออกมาปกป้อง “คุณหนูอุ๊งอิ๊ง” ไข่ในหินของผู้เป็นเจ้าของคอกเพื่อไทยกันให้วุ่นวายไปหมด ชนิดที่ “ลูกสาวนายข้าใครอย่าแตะ” ผิดถูกดีชั่วไม่ต้องแยกแยะกันขอเป็นเพียง “ลูกสาวนายใหญ่” เท่านั้นพอ
นักการเมืองพวกนี้ปากอ้างประชาธิปไตย แต่พอ “ลูกสาวนายใหญ่” ถูกวิพากษ์วิจารณ์ กลับแสดงตนเหมือน “สุนัข” ผู้ซื่อสัตย์ ลืมหลักการประชาธิปไตยที่พยายามจะชูหางกันไปโดยฉับพลันทันที
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้จัดการรัฐบาล โพสต์ลงเฟซบุ๊ก “Phumtham Wechayachai” เมื่อสองวันก่อน บอกว่า “แบงก์ชาติไม่ใช่องค์กร หรือสถาบันที่ประชาชนจะกล่าวถึง หรือวิพากษ์ วิจารณ์ หรือแตะต้องไม่ได้”
ข้อนี้ก็ไม่มีใครเถียง และคนอย่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย” ซึ่งผ่านประสบการณ์ทั้งในเมืองและในป่าเขามาอย่างโชกโชน อยู่บนเส้นทางการเมืองมายาวนานตั้งแต่พรรคไทยรักไทยก่อตั้ง ควรจะต้องเข้าใจด้วยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นอกจากจะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่และเป็นพรรคการเมืองหลักของรัฐบาลผสมชุดนี้ ดังนั้น ใครก็ตามที่มีความคิดเห็นต่างจากนางสาวแพทองธาร ก็ย่อมมีสิทธิที่จะวิพากษ์และวิจารณ์หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เช่นกัน
รองนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ที่คนทั่วไปต่างก็รู้ว่าเป็น “ลูกน้อง”สายตรงอันเป็นมือเป็นไม้ของ “ทักษิณ ชินวัตร” และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ตั้งคำถามในหน้าเฟซบุ๊กว่า “แปลกใจว่าทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล การแสดงความเห็นต่อกรณีแบงก์ชาติของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่สะท้อนความเห็นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาต่อแบงก์ชาติ ในฐานะที่องค์กรนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศ”
ประเด็นนี้เท่าที่สดับตรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ล้วนแต่แสดงความเห็นบนพื้นฐานของหลักการและข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน หรือว่า “ภูมิธรรม เวชยชัย” จะเถียงแทนว่า ความเห็นเรื่องแบงก์ชาติที่ผ่านออกมาจากปากของ “แพทองธาร ชินวัตร” นั้น จะด้วยจากสมองและสติปัญญาของตัวเธอเองหรือใครเขียนบทให้ก็ตาม แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจอะไรเลยสักเรื่องเดียว ไม่ว่าจะเรื่องเพดานหนี้ เรื่องงบประมาณขาดดุล ตลอดจนเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องไม่จริง และแพทองธารพูดถูกแล้ว ห้ามคนที่เห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์”
“ภูมิธรรม เวชยชัย” ออกตัวในเฟซบุ๊กของตนว่า “เจตจำนงพรรคเพื่อไทยที่หัวหน้าพรรค-นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้สื่อสารกับสังคมถึงกรณีแบงก์ชาติในวันประชุมของพรรคที่ผ่านมา สำหรับผมคือการแสดงออกอย่างเปิดเผยจริงใจ และห่วงใยที่แบงก์ชาติยังยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิม โดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ซึ่งประชาชน (ที่เป็นลูกหนี้แบงก์และประชาชนทั่วๆ ไป) กำลังเผชิญชีวิต ดิ้นรนอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแสนสาหัส”
สำหรับประเด็นนี้ คนที่วิพากษ์วิจารณ์นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็แสดงออกอย่างเปิดเผยและจริงใจ โดยเห็นว่าแบงก์ชาติทำถูกต้องแล้วที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50 เปอร์เซ็นต์ต่อปี นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อถือแบงก์ชาติมากกว่าเชื่อถือรัฐบาล ซึ่งแบงก์ชาติยืนยันว่า การตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้คงเดิมก็เพราะ สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินที่ยั่งยืนในระยะยาว
ไม่เพียงแต่เท่านั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ยังกล่าวหาและโจมตีบุคคลที่มีความคิดเห็นต่างจาก “ลูกสาวนายใหญ่” ว่า “การที่สื่อบางบุคคล บางสำนักมีอคติต่อพรรคเพื่อไทย และนำความเห็นบางส่วนของหัวหน้าพรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง และขยายความตามอคติของตนบวกด้วยการใส่สีตีข่าว เป็นการทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง ผมเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วน ที่ยังติดยึดอยู่กับอคติเดิมแล้วการใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติและขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ก่อและปั่นกระแสขัดแย้งในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว”
ประเด็นนี้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” พลาดอย่างหนักกลายเป็นว่าเพียงแค่ปกป้อง “ลูกสาวนายใหญ่” ตนจะกล่าวหาหรือยัดเยียดความมีอคติให้แก่ใครก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการพูดพล่อยๆ ขาดสำนึกรับผิดชอบต่อวาจาที่กล่าวออกมา อย่าลืมว่าตนเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่หนึ่งในรัฐบาล ต้องมีวุฒิภาวะ และควรใช้สติปัญญาไตร่ตรองก่อนที่จะพูดอะไรออกมา เพราะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ขี้ข้าหรือทาสรับใช้ในเรือน “จันทร์ส่องหล้า” แต่เป็นผู้นำฝ่ายบริหารที่เป็นหนึ่งในสามเสาหลักของบ้านเมือง
ประการสำคัญที่สุด สื่อส่วนใหญ่ที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ “แพทองธาร ชินวัตร” นั้น เขาเห็นว่าไม่เพียงแต่ “ลูกสาวนายใหญ่” จะขาดสติปัญญาความรู้เท่านั้น ยังเต็มไปด้วยอคติที่ไม่รู้ว่าจำมาจากบิดาหรือบริวารที่ห้อมล้อมเธออยู่ในเวลานี้ เนื่องจากแพทองธารบิดเบือนกล่าวหาใส่ความว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล”จึงทำให้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล
และก็ด้วยเหตุดังนั้น คอลัมนิสต์อาวุโสอย่าง “เปลว สีเงิน” จึงได้ปุจฉาว่า “นี่มันเศรษฐศาสตร์การเงิน“ธรรมาภิบาล” หรือ “การเงินโจร” หวังแปรประเทศเป็นเขตเศรษฐกิจครอบครัว...”
สุทธิชัย หยุ่น ซึ่งเป็นสื่ออาวุโสที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอีกคนหนึ่งก็ได้พูดถึง “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า
“คนอย่างคุณแพทองธารนี่นะครับ ลุกขึ้นมาบอกว่า “แบงก์ชาติเป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศ” บนพื้นฐานอะไรครับ? ความรู้ของคุณอุ๊งอิ๊ง ให้ระดับเจ้าหน้าที่ของแบงก์ชาติปกติคนนึงมานั่งดีเบต เขายังมีความรู้มากกว่าคุณอุ๊งอิ๊งเลยครับ แต่การให้คนระดับคุณอุ๊งอิ๊งออกมา ทั้งที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับ “การเงิน-การทอง” อะไรเลย ยังเป็นเด็กมาก ยังไม่ได้ศึกษาหาความรู้อะไร แต่อ่านตามสคริปต์ ในฐานะหัวหน้าพรรค นั้น “อันตรายต่อประเทศชาติ”เป็นอย่างยิ่ง!”
บรรทัดนี้-ขอยืนยันว่า คนไทยส่วนใหญ่เขาเห็นแบงก์ชาติเป็นฝ่ายธรรมะ คือเป็นพระเอก ไม่ใช่ฝ่ายอธรรมที่เป็นโจร !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี