ดร.รัชดา ธนาดิเรก โพสต์เฟซบุ๊ก สอนหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่โจมตีธนาคารแห่งประเทศไทยว่าเป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า
“#ผู้นำขอเฟียส จะโชว์ผลงาน ก็พูดผลงานไป แสดงความตั้งใจ หรือถ้ายังไม่มีก็อธิบายให้รอดู ไปแขวะแบงก์ชาติทำไมหนอ พูดแบบนี้ เหมือนคนไม่มีความรู้ หรืออาจพอรู้ แต่ไม่ได้อย่างใจก็ขอเฟียส ถือเป็นการแสดงภาวะผู้นำไปในตัว (ทำนองนั้นหรือ) แบงก์ชาติทั่วโลกเขาก็เป็นอิสระจากการเมืองทั้งนั้น ไปอ่านข่าวธนาคารกลางสหรัฐและแบงก์ชาติญี่ปุ่นก่อนเลย และที่ผ่านมา เพราะ ธปท. เป็นอิสระ บริหารนโยบายการเงินบนหลักการ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้สถานทางการเงินของประเทศอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง..”
เฟซบุ๊กของ ดร.รัชดา อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองโฆษกรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดร.รัชดาเคยเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ เป็นอาจารย์พิเศษอีกหลายสถาบัน เลือกใช้คำว่า #ผู้นำขอเฟียส-Fierce ที่มีความหมาย เหมือนสอนหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในตัว
จากคำปราศรัยในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า..“ตอนนี้กฎหมายพยายามที่จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้ถือว่า เป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมากๆในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวมาโดยตลอด และทำให้ประเทศของเรามีหนี้ที่สูงมากขึ้น และสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมที่จะเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือ ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย”
เฟียส เป็นคำที่คนรุ่นใหม่ นิยมใช้กันเนื่องจากว่า มันมีความครอบคลุมล้ำลึกที่นำมาใช้กับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือ ทายาทอสูรได้ เพราะพจนานุกรมแปล Fierce ว่า ดุร้าย อำมหิต ป่าเถื่อน บ้าระห่ำ บ้าคลั่ง เพราะฉะนั้นคำพูดที่ว่า “กฎหมายให้อิสระธนาคารแห่งประเทศไทย” ใช้ได้กับคำว่า“ป่าเถื่อน”คือไม่รู้เลยว่าในนานาอารยประเทศประชาธิปไตย เขากำหนดให้ธนาคารชาติเป็นอิสระจากการเมือง และคำพูดที่ว่า ธปท.เป็นอุปสรรคมากๆ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้ด้านเดียวมาตลอด..”
คำพูดประโยคนี้ถือว่า “โหดร้าย อำมหิตมาก เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณให้สมุนบริวาร ทั้งหัวหอกหัวดำ ทั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่นั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้สำเหนียกว่า ปล่อยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้มงวดวินัยการเงินคลังอีกต่อไปไม่ได้ พรรคเพื่อไทยต้องกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบายตามที่พรรคต้องการให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทยต้องไม่ฟังคำแนะนำ ไม่ฟังคำเตือนของธปท.เรื่องนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต พรรคเพื่อไทยต้องไปล้วงเงินสดห้าแสนล้านบาทมาไว้ในมือให้ได้ แล้วใช้เงินกงเต๊กแจกให้ชาวบ้าน 50 ล้านคน ให้ชาวบ้านนำเงินกงเต๊กไปใช้ล่วงหน้าคนละ 10,000 บาท
การเฟียสของผู้นำพรรคเพื่อไทยในประเด็นนี้จึงตรงกับคำว่า “อำมหิต” ต่อประเทศไทย และสมุนบริวาร เพราะคำพูดของหัวหน้าเพื่อไทย คือ คำบัญชาให้สมุนบริวารที่เป็นรัฐมนตรีเดินหน้าแจกเงินกงเต๊กสมมุติมูลค่า 5 แสนล้านบาทให้ได้ โดยไม่ต้องฟังเสียงทัดทานจาก ธปท.หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลังหรือไม่ นี่คือเฟียสของพรรคเพื่อไทยที่อำมหิตโหดร้ายต่อสมุนบริวาร สั่งการให้เดินหน้า ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้ได้โดยไม่คำนึงว่า ขาข้างหนึ่งอยู่คุกแล้วหรือไม่
การเฟียสของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันครบรอบ 10 เดือนการเป็นแกนนำรัฐบาลผสมจึงเป็นการสืบทายาทอสูร เหมือนผีปอบรับน้ำลายจากนายใหญ่พรรคไทยรักไทย เพราะตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยจนมาถึงรัฐบาลเพื่อไทย การเฟียสของนายใหญ่เป็นเหตุให้เสนาบดีที่เป็นสมุนบริวารรวมทั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีถูกศาลตัดสินจำคุกกว่า 30 คน เป็นสัมภเวสีหนีคุกอยู่ต่างประเทศก็หลายสิบคน
ในสมัยไทยรักไทยนายใหญ่เฟียส จังหวัดชายแดนใต้ โดยใช้มาตรการนอกกฎหมาย สั่งการเป็นนโยบายให้จัดการวันละสองคน โดยเฟียสว่า สามเดือนก็หมด แต่การเฟียสของนายใหญ่ทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สงบมากว่ายี่สิบปีกลายเป็นไฟสงคราม พื้นที่ชายแดนใต้ลุกโซนขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่นายใหญ่เฟียสในปี 2547 ถึงวันนี้มีคนตายไปแล้ว 7,000 กว่าคนและยังไม่มีรัฐบาลไหนแก้ไขปัญหารุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ได้
นอกจากปัญหาชายแดนใต้ที่เกิดจาก การเฟียสของนายใหญ่ ในยุครัฐบาลไทยรักไทยปี 2544 ถึง 2549 นักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีหลายสิบคน รวมทั้งนายใหญ่ถูกศาลตัดสินจำคุกในความผิดคอร์รัปชั่น ทุจริตทางนโยบาย การแปลงสัญญาสัมปทานดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้รัฐเสียหายกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท และรัฐมนตรีติดคุกในความทุจริตในโครงบ้านเอื้ออาทร ตลอดถึงความผิดฐานช่วยเหลือนายใหญ่ในการแปลงที่ดินวัดเป็นสนามกอล์ฟ และรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โดยชอบรวมแล้วเสนาบดีในยุคไทยรักไทยถูกศาลตัดสินจำคุก 16 คน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2557 นักการเมืองระดับรัฐมนตรีตลอดถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำตามบัญชานายใหญ่เฉพาะในคดีทุจริตนโยบายรับจำนำข้าว ถูกศาลตัดสินจำคุกตั้งแต่ 6 ถึง 48 ปี รวม 15 คน
ดังนั้นการเฟียสของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่กำชับให้สมุนบริวารเดินหน้านำนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต มาใช้ในทางปฏิบัติ ทั้งๆ ที่ทุกคนตระหนักดีว่า ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกแล้ว จึงเป็นพฤติกรรมอำมหิตเหมือนผีปอบรับน้ำลายมาจากนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการให้แต่งตั้งคนที่ขาดคุณสมบัติเพราะผิดจริยธรรมร้ายแรงขึ้นเป็นรัฐมนตรี ถือเป็นความอำมหิตต่อนายกรัฐมนตรีผู้เสนอชื่อแต่งตั้งและลงนามรับสนองพระบรมราชโองการรัฐมนตรีที่ผิดจริยธรรมร้ายแรงคนนั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจถูกดำเนินคดีได้ภายหลัง
นอกจากเฟียสให้สมุนบริวารใช้ช่องว่างทางกฎหมายสร้างหนี้หลายแสนล้านบาทให้แก่ประเทศไทยและคนไทยแล้ว ผีปอบนายใหญ่ที่ถ่ายทอดน้ำลายให้ทายาทอสูรยังลอยตัวอยู่เหนือกฎหมายเหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ของสังคมไทยและทำลายกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยย่อยยับลงได้
จึงต้องขอบคุณ ดร.รัชดา ที่ปรามเฟียสเพื่อไทย ให้เพลาๆ ลงบ้างก่อนที่รถถังจะออกมา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี