เศรษฐา ทวีสิน ได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปต่างประเทศมากที่สุดในโลก หากนำสถิติการเดินทางมาเปรียบเทียบกับระยะเวลาในตำแหน่งนายกฯดังที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาโพสต์ข้อความว่า รวบรวมสถิติการเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 โดยถือว่า ทุบสถิติโลก เป็นนายกฯ 6 เดือน บินนอก 15 ประเทศ 52 วัน ใน 176 วัน คิดเป็น 30%ของการทำงาน
เฟซบุ๊กของ สว. สมชาย ยังไม่รวมกับวันนี้ (17 พ.ค.) ที่นายเศรษฐาอยู่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
การเยือนต่างประเทศของผู้นำเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต การเมือง การค้าและวัฒนธรรมต่อกัน ที่สำคัญคือกำหนดการล่วงหน้าว่าเป้าหมายคืออะไรการสนองตอบจากคู่เจรจาเป็นอย่างไรเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมการล่วงหน้า ซึ่งแตกต่างจากนายเศรษฐาผู้ไม่ประสีประสาในพิธีการทูต เช่นเมื่อครั้งไปเยือน สปป.ลาว ที่เจ้าหน้าที่เตรียมโพยให้ว่า หากฝ่ายลาวยกเรื่องวางสายส่งไฟฟ้าผ่านประเทศไทยไปขายสิงคโปร์ให้ตอบว่า “เราจะนำไปพิจารณา” นายเศรษฐาซึ่งติดนิสัยพ่อค้าพอฝ่ายลาวยกเรื่องสายส่งไฟฟ้าขึ้นมาตอบไปว่า “ไม่ได้ผมไม่ยอม เรื่องไฟฟ้าสะอาดนี้มีเท่าไหร่ขายให้ประเทศไทยเราซื้อหมด”
การเยือนลาวครั้งนั้นจึงได้ภาพติดลบกลับมาว่าไม่ประสีประสาทางการทูต และการเดินทางไปร่วมประชุม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ในกรุงปักกิ่ง เห็นประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ทักทายผู้นำประเทศต่างๆระหว่างเดินเข้าห้องประชุม นายเศรษฐาปรี่เข้าไปแสดงความยินดี “ที่ทีมชาติจีนชนะทีมชาติไทยในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก” แสดงว่าเขาไม่ได้เตรียมล่วงหน้าว่าเจอผู้นำระดับโลกควรพูดเรื่องอะไรน่าสนใจกว่าทีมฟุตบอลจีนชนะทีมไทย
วันที่ 16 พ.ค. นายเศรษฐาโพสต์บน X กล่าวถึงการพูดคุยกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า ได้คุยกันถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอล ได้มีการพูดคุยกันเยอะในเรื่องนี้ โดยเราได้แจ้งว่าเรายังมีตัวประกันอีก 8 คนซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งทางประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็เห็นใจและพร้อมซัพพอร์ต ในการที่จะให้มีการหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งตนก็ได้เรียนไปว่าได้มีการขอไปแล้วหลายครั้งแต่ไม่เกิดขึ้นสักที
“ซึ่งท่านก็มีไอเดียบรรเจิดขึ้นมา โดยบอกว่าขณะนี้สิ่งที่ท่านทำอยู่ก็คือ จะใช้โอกาสในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขอให้หยุดยิง วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ก็จะมีการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะกีฬาเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราลืมความขัดแย้ง ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ในโอกาสที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน เป็นโต้โผใหญ่ในการรวบรวมประเทศสมาชิก และได้ขอให้ประเทศไทยเข้าร่วม เป็นหนึ่งในอีกหลายประเทศที่จะเข้ามาเพื่อแสดงเจตจำนงว่าขอเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อโอลิมปิกในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี”นายเศรษฐา กล่าว
วันเดียวกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารสนเทศ แถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่าคณะกรรมการด้านการประเมินสถานภาพตัวประกันของรัฐบาลอิสราเอล ได้พิจารณาหลักฐานแวดล้อมที่เชื่อถือได้ และแจ้งว่า ตัวประกันคนไทย 2 ราย จากจำนวนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว 8 รายได้เสียชีวิตแล้ว ประกอบด้วย นายสนธยา อัครศรี และ นายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ โดยคาดว่าเป็นการเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงต้นของเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2566
นายเศรษฐาปิ๊งไอเดียนายมาครงที่จะเสนอให้หยุดยิงระหว่างการกีฬาโอลิมปิกปารีส โดยไม่ได้เอะใจว่า ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศตะวันตก รวมทั้งสหรัฐและอังกฤษที่สนับสนุนอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ เพื่อนนักข่าวสงครามในอิสราเอล บอกแนวหน้าว่า ทหารรับจ้างจากอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษนับพันคนบุกตะลุยแนวหน้าในกาซา โดยอ้างว่าเป็นทหารสองสัญชาติคือ อเมริกัน-อิสราเอล ฝรั่งเศสและอังกฤษ-อิสราเอล นอกจากทหารรับจ้างแล้ว อเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษยังมีเรือรบ เครื่องบินรบสนับสนุนอิสราเอลรอบด้าน
“สหประชาชาติตลอดถึงชาวอิสราเอลประท้วงเรียกร้องกดดันให้หยุดยิงเพื่อปล่อยตัวประกันกลับบ้านเนทันยาฮูยังไม่ฟัง..เนทันยาไม่แคร์เรื่องตัวประกันเลยแม้แต่น้อย เขาแคร์แต่เรื่องอยู่ในอำนาจจึงทำให้สงครามยืดเยื้อออกไปนานที่สุดเท่าที่ทำได้ เขาไม่สนใจนายมาครงเรียกร้องให้หยุดยิงหรอก..” แหล่งข่าวกล่าว เสริมว่า ฮามาสกับอิสราเฮลเจรจากันมากว่าสามอาทิตย์แล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และระหว่างการเจรจาทหารอิสราเอลยังเดินหน้าบุกถล่มราฟาห์เมืองตอนใต้ของกาซาที่มีชาวปาเลสไตน์แออัดกันอยู่กว่า 1.3 ล้านคน
กรณีอิสราเอลแจ้งว่าตัวประกันไทยสองคนเสียชีวิตแล้วนั้นสงสัยว่า ทำไมอิสราเอลเพิ่งเปิดเผยตอนที่นายเศรษฐาไปเยือนฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่การประเมินและวิเคราะห์สถานะตัวประกัน อิสราเอลได้ข้อสรุปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ว่าตัวประกันยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฮามาส 124 คน ในจำนวนนี้ เชื่อว่า 34 เสียชีวิตแล้ว และอิสราเอลเชื่อว่าตัวประกันไทยสองคนที่กล่าวถึงนั้นเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ทำไมอิสราเอลเพิ่งแจ้งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567
และที่น่าคลางแคลงใจในเจตนารมณ์ของอิสราเอลคือทำไม #เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลได้จัดงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยเชิญ คุณนริศรา มาลี ภรรยาม่ายของนายเทียนชัย ยอดทองดี แรงงานไทยภาคการเกษตร หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาสในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2566 คุณนริศรา หลั่งน้ำตาเล่าถึงการพูดโทรศัพท์กับสามีบอกเธอว่า ฮามาสบุกไปสังหารแคมป์คนงานเนปาลก่อนบุกมาแคมป์คนงานไทยที่สามีเธอถูกยิงตาย แน่นอนคนไทยทุกคนต้องสลดใจเศร้าใจจากการตายของคนงานไทยแต่ที่สงสัยคือ อิสราเอลมีเจตนาอะไรที่เชิญหญิงม่ายมาเปิดเผยความทุกข์ใจเอาตอนนี้ทั้งๆที่รู้ว่าสามีเธอเสียชีวิตตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2566
นายเศรษฐาเดินทางไปฝรั่งเศส แทนที่จะเจรจาทวิภาคีในความร่วมมือเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมตลอดถึงการเชิญชวนฝรั่งเศสมาลงทุนในประเทศไทย ทำไม นายเศรษฐากลับเน้นพูดจากับนายมาครง เรื่องอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา เรื่องฝรั่งเศสเรียกร้องให้หยุดยิงและความโหดร้ายของฮามาสที่สังหารแรงงานไทย และเมื่อนายมาครง บอกว่าเรียกร้องให้หยุดยิงระหว่างมีกีฬาโอลิมปิก นายเศรษฐาถึงได้โพล่งออกไปว่าตนเองก็ขอไปหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นหยุดเสียที คำพูดของผู้นำในเชิงโอ้อวดที่ว่า“ข้าพเจ้าเองก็ขอ(ให้หยุดยิง)ไปหลายหนแล้วไม่เห็นหยุด(ยิง)เสียที..” จึงเป็นคำพูดของพ่อค้าที่ขาดทักษะทางทูต
การเยือนฝรั่งเศสครั้งนี้จึงไม่เกิดมรรคผลใดๆ นอกจากให้อิสราเอลกับฝรั่งเศสใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพให้เห็นว่า #ผู้นำรัฐบาลไทยยืนอยู่ฝ่ายเรานะ
ส่วนการเยือน 15 ประเทศ ก่อนหน้าของนายเศรษฐาที่อ้างว่าเดินสายโรดโชว์ให้ต่างประเทศมาลุงทุนในประเทศไทยในโครงการ#แลนด์บริจด์ที่นายเศรษฐา โวว่าทั้งจีน ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐ ตลอดถึงเกาหลีใต้ ให้ความสนใจมาลงทุนในโครงการแลนด์บริจด์ จนถึงวันนี้ไม่เห็นมีประเทศไหนแสดงความสนใจหรือทำข้อตกลงทำความเข้าใจ (MOU) กับประเทศไทยเลยแม้แต่ประเทศเดียว
หลังจากลดบทบาทในกระทรวงการคลังและการต่างประเทศ นายเศรษฐาหันมาทุ่มเทกับเรื่องการค้าผ่านสิ่งที่เรียกว่า Soft Power ไทย การเดินทางไปต่างประเทศจึงเห็นนายเศรษฐาเอาผ้าขาวม้าพันคอโชว์ฝีมือถักทอของคนไทย แต่น่าเสียที่นายกฯเงาซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการยุทธ์ศาสตร์ Solt Power เดินทางไปต่างประเทศทีไรแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยแบรนด์เนมตั้งแต่หัวถึงปลายเท้า การเดินทางไปต่างประเทศที่ทำลายสถิติของนายเศรษฐาจึงไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากสร้างความขายหน้าเพราะไม่ประสีประสาทางการทูต
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี