แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ข้าพเจ้าได้พูดถึงความคิดเห็นหรือทัศนคติของบุคคลในสิ่งต่างๆ ว่าย่อมจะเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ เพราะมีสภาพการต่างๆ เป็นตัวปรุงแต่ง เมื่อความจริงเป็นดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะถือเอาประโยชน์จากความคิดเห็นที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนั้นให้ได้มากที่สุด เมื่อจะลงความเห็นหรือจะทำการสิ่งใด ควรจะย้อนไปดูว่า ได้เคยคิดเคยเห็นในสิ่งนั้นมาแล้วอย่างไรบ้าง แล้วนำมาพิจารณาเทียบเคียงกันดู ด้วยเหตุผลและความละเอียดรอบคอบ โดยปราศจากอคติ เพื่อเลือกสรรแต่ทัศนะที่ถูกต้อง มาเป็นหลักการในการลงความเห็นและการกระทำของตน ผู้ใดถือปฏิบัติตามนัยนี้ได้โดยเคร่งครัด ผู้นั้นจะประสบความสำเร็จและความเจริญในชีวิตและกิจการทั้งปวง... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย16 กรกฎาคม 2520)...
nn พิชิต ชื่นบาน ผู้ที่สังคมไทยรู้จักดีในกรณีถุงขนมกับเงินสองล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้เป็นความจริงยิ่งกว่าจริง แล้วเมื่อวันเวลาผ่านไป พิชิตก็ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่แม้จะกินตำแหน่งเพียงไม่กี่วัน เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีแล้วในชีวิตนี้ เมื่อสองสามวันก่อนหลายคนได้ยินพิชิตประกาศกร้าวว่าไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะไม่มีความผิดอะไร เรื่องเก่าก็คือเรื่องเก่า แต่หลังจากนั้นไม่นาน พิชิตก็โบกมือลาตำแหน่งอย่างง่ายดาย ไม่เหลือเค้าลางที่เคยบอกว่าพร้อมจะชนกับทุกฝ่ายที่จะให้เขาลาออก...
nn คำถามคือใครทำให้พิชิตต้องประกาศลาออกอย่างฉับพลัน คอข่าวการเมืองเชื่อตรงกันว่าคนคนนั้น ไม่ใช่เศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกอย่างแน่นอน แต่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าคนที่สั่งให้พิชิตลาออก คือผู้เชิดหุ่นกระบอก...
nn คำถามคือทำไมคนเชิดหุ่นกระบอกต้องสั่งให้พิชิตลาออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ตอนแรกมั่นอกมั่นใจมากว่าไม่มีปัญหาอะไรในเชิงกฎหมาย แต่บางฝ่ายก็มองว่านั้นคือการโยนหินถามทาง หากโยนไปแล้วหินจมน้ำเงียบหายไปก็ไม่มีอะไรน่าวิตก แต่หากโยนหินไปแล้ว หินกระดอนกระเด้งกลับอย่างแรง จนกระแทกหน้าคนโยน แบบนี้ก็ต้องหยุดเรื่องนั้นโดยพลัน หากขึ้นดึงดันต่อไป ไม่ใช่แค่หน้าแตก แต่อาจจะดับดิ้นสิ้นอำนาจก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น สังคมไทยจะได้เห็นไปเรื่อยๆ ว่าจะยังคงมีการโยนหินถามทางเป็นระยะๆ ต่อไป จนกว่าคนโยนหินจะหมดหินให้โยน หรือหมดแรงโยน...
nn มีคำถามว่าเมื่อ พิชิต ชื่นบาน ลาออกแล้ว ปัญหาการขอถอดถอนนายกรัฐมนตรี (หุ่นกระบอก) จะยุติลงหรือไม่ เรื่องนี้มีหลายมุมมอง เพราะนักกฎหมายไทยมองเรื่องเดียวกันไม่เคยตรงกันสักที บางกระแสบอกว่าเรื่องจะยุติลง เพราะตัวปัญหาคือพิชิตลาออกไปแล้ว ก็เท่ากับตัดตอนปัญหาไปได้แล้ว แต่บางกระแสบอกว่า เรื่องจะเดินต่อไป เพราะความผิดได้กระทำสำเร็จไปแล้ว เพราะได้แต่งตั้งพิชิตเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว...
nn ส่วนคำถามว่า หากเศรษฐาต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริงๆ ใครจะมารับตำแหน่งแทน แล้วการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องใช้เสียงจาก สว. ในการร่วมพิจารณาด้วยหรือไม่ หรือจะใช้เพียงเสียงจาก สส. ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะไปแทนเศรษฐา ก็ตอบว่ายังมีคนที่เพื่อไทยเสนอชื่อเป็น candidate นายกรัฐมนตรีอีกสองคน จำได้ไหมว่าใคร หนึ่งในนั้นคือแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของเจ้าของพรรคเพื่อไทย กับอีกคนคือนักกฎหมายใหญ่ประจำพรรคเพื่อไทย ชัยเกษม นิติสิริ...
nn ส่วนคำถามที่ว่าป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐจะยังมีโอกาสชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตอบได้สั้นๆ ชัดๆ ว่าประวิตรยังคงหวัง แต่ก็เป็นเพียงความหวังแบบฝันลมๆ แล้งๆ ของประวิตรเท่านั้น เพราะตอนนี้ ประวิตรไม่น่าจะมีอำนาจใดๆ เหนือพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไปแล้ว...
nn หลังจากกลุ่ม สว. 40 คนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน และพิชิต ชื่นบาน ออกจากตำแหน่ง แม้ล่าสุดพิชิตจะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ก็ปรากฏว่าเกิดปัญหาความขัดแย้งในกลุ่ม สว. 40 คน จนทำให้ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. หนึ่งในกลุ่ม 40 ประกาศลาออกจากคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน สมาชิกวุฒิสภา โดยให้เหตุผลว่าไม่สะดวกใจที่จะทำงานร่วมกันต่อไป โดยส่งหนังสือลาออกเมื่อ 21 พฤษภาคม 2567...
nnมีข่าววงในจากกลุ่ม สว. บอกว่า มูลเหตุที่ทำให้ดิเรกฤทธิ์ลาออกจาก กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เพราะเกิดความขัดแย้งในกลุ่ม สว. เรื่องการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พิชิต ชื่นบาน) ส่วนขัดแย้งกับใครนั้นไม่มีการระบุชื่อชัดๆ แต่มีข่าวว่า เสรี สุวรรณภานนท์สว. รายหนึ่งบอกว่า สว. ชุดนี้สิ้นสุดสมาชิกภาพแล้ว และเห็นว่า สว. ชุดนี้ไม่มีสิทธิ์ยื่นถอดถอนอีกต่อไป โดยเสรีอ้าง มาตรา 84 เป็นสำคัญ แต่ข้ออ้างของเสรี ก็ไม่ได้ทำให้ สว. ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งก็เป็นไปตามสไตล์นักกฎหมายไทยที่มักตีความมาตราเดียวกันไปคนละทิศละทาง...
nn เวลาคนทำผิดกฎหมายแล้วถูกตัดสินลงโทษ น้อยคนนักที่จะยอมรับว่าตนเองกระทำผิด แต่ส่วนมาก โดยเฉพาะนักการเมือง และนักธุรกิจใหญ่มักจะอ้างโน่นนี่นั่นสารพัด อ้างว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้ายถูกใส่ความ ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินแล้วว่าผิด แต่คนผิดที่มีอำนาจรัฐและอำนาจเงินก็มักจะดิ้นพล่าน พยายามหนีความผิด สิ่งหนึ่งที่คนหนีความผิดมักอ้างก็คือ ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ ฉันทำความดี ฉันชี้เบาะแสให้กับทางการเพื่อเอาผิดกับคนโกง แต่สุดท้ายฉันกลับถูกจับ สารพัดจะอ้าง...
nn ฉันใดก็ฉันนั้น เรื่องของ สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ถูกวิพากษ์ว่าน่าจะพยายามดิ้นเพื่อหนีความผิดหลังจากศาลตัดสิน แต่น่าสนใจว่าในบ้านนี้มีเรื่องแม่ทำผิด ลูกทำผิด เกิดขึ้นเป็นระยะๆ เช่น แม่ตกเป็นข่าวเรื่องซื้อที่ดินโดยมิชอบ สำหรับลูกรายนี้ก็ตกเป็นข่าวติดสินบน เรื่องนี้เป็นข่าวที่เกิดขึ้นจริง แต่สุดท้ายจะถูกตัดสินลงโทษหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการต่อสู้คดี เพราะเมืองไทยนั้น หากมีเงินจ้างทนายที่พลิกแพลงเก่งๆ คนที่ทำผิดก็รอดพ้นการถูกตัดสินลงโทษมาแล้วมากมายนักต่อนัก เพราะศาลไทยยึดหลักใครสร้างหลักฐานได้ดีกว่า เก่งกว่า เนียนกว่า ก็รอดคดีไป...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี