นักโทษเด็ดขาดชาย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา หรือเมืองโคราช เพื่อทำพิธีฌาปนกิจศพ “นายวิชัย ช่างเหล็ก” หรือ “ลุงป๊อก” อดีตคนขับรถ ที่ความสัมพันธ์และบุญคุณที่มีต่อกัน เกินคำว่าเจ้านายกับคนขับรถ
ทักษิณเคยซื้อที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อจากนายเสนาะ เทียนทอง และครอบครัว เขาเล่าเมื่อให้สัมภาษณ์ในรายการ “ผ่าทางตัน” ของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ว่า
“ที่สนามกอล์ฟนะครับ ราคาที่ผมจ่ายไป 500 ล้าน มีที่อยู่เกือบ 500 ไร่ มีคลับเฮ้าส์ หลังเบ้อเร่อ สร้างด้วยเงิน 100 กว่าล้าน WORTH (คุ้มค่า) มั้ยครับ และเป็นสนามที่ใช้แข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ เพราะฉะนั้น ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือ แต่เป็นการซื้อกันทางธุรกิจ ในฐานะคนรู้จักกันมาเจรจาค้าขายกัน และมองว่า เป็นสิ่งที่ WORTH ผมจะซื้อก็ซื้อเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเรื่องของบุญคุณ ผมไม่ได้มีบุญคุณกับคุณเสนาะ เพราะคุณเสนาะมาเสนอขายให้ผม ผมเห็นว่าราคามันสมเหตุสมผล ผมก็ซื้อบังเอิญเป็นคนรู้จักกันเท่านั้นเอง”
ต่อมา ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของทักษิณที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ตอนพ้นตำแหน่งรองนายกฯ ครบ 1 ปี วันที่ 6 พ.ย. 2541 เขามิได้แจ้งว่าเป็นเจ้าของหุ้นในสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นเหตุหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหาว่า “ซุกหุ้น”
เมื่อไปดูข้อมูลผู้ถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตามที่จดทะเบียนต่อกรมทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2541 ปรากฏชื่อกลุ่มคนรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย
น.ส.บุญชู เหรียญประดับ 24,899,987 หุ้น
นายชัยรัตน์ เชียงพฤกษ์ 24,899,987 หุ้น
นายวิชัย ช่างเหล็ก 24,899,986 หุ้น
มูลค่า หุ้นละ 10 บาท (หรือรวม 747 ล้านบาท)
เอาเฉพาะ “วิชัย ช่างเหล็ก” ถ้าหุ้นเป็นของเขาจริง เขาคือเศรษฐีคนหนึ่ง เฉพาะหุ้นที่เขาครอบครองอยู่นี้คิดเป็นเงินมากถึง 240 ล้านบาท เป็นอย่างน้อยเลยทีเดียว
คำให้การของ “วิชัย ช่างเหล็ก” ที่ให้การกับอนุกรรมการตรวจสอบ ป.ป.ช. ระบุว่า
“…เมื่อข้าฯ เข้ามาทำงานเป็นคนขับรถที่บริษัท ชินวัตรนั้น คุณหญิงพจมานฯ ได้เรียกข้าฯ ไปพบ…และบอกกับข้าฯ ว่า จะขอใช้ชื่อข้าฯ ถือหุ้นแทน คุณหญิงพจมานฯ ตามบริษัทต่างๆ ข้าฯ ได้ตอบตกลง โดยข้าฯ ไม่ทราบเหตุผล… และต่อมาเลขานุการคุณหญิงพจมานฯ ชื่อคุณแจง ชื่อจริงนางกาญจนาภาฯ ก็ได้นำเอกสารต่างๆ มาให้ ข้าฯ ลงลายมือชื่อ…”
1) ความสัมพันธ์ระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ วิชัย ช่างเหล็ก” ปรากฏอยู่ในหนังสือ “THAKSINSHINAWATRA Theory and Thought” ว่า
“สมัยก่อนผมเป็นเด็กล้างรถครับ อยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นปั๊มเดียวกันกับที่ท่านชอบเอารถมาล้างพอดี เลยได้เจอกันบ่อย ซึ่งท่านคงรู้สึกว่าผมน่าใช้มั้งครับ คล้ายถูกชะตา วันหนึ่งท่านเลยเอ่ยถามผมว่า ไปอยู่ด้วยกันไหม ผมตอบกลับไปแบบ ไม่ต้องคิดเลยว่า ไปครับ (หัวเราะ) เพราะผมรู้สึกว่าท่านใจดี แต่ตอนแรก ท่านให้มาอยู่โรงหนังที่ราชวัตรของท่านก่อนนะครับ ผมมาทํางานเดินตั๋วและดูแลส่วนต่างๆ ทั่วไป ไปๆ มาๆ ยังไงไม่รู้เหมือนกันวันหนึ่งผมก็ได้มาขับรถให้ท่านนั่งและได้ทําหน้าที่นั้นมาโดยตลอด เป็นงานที่ภูมิใจมากครับ ที่ท่านไว้ใจเรา”
“ท่านเป็นคนไม่ถือตัวเลยครับ ถามประจำว่ากินข้าวหรือยัง ลูกเป็นไงบ้าง ครอบครัวเป็นไงบ้าง มีความสุขไหม คุยกันสบายๆ และแสดงความเป็นห่วงด้านอื่นในชีวิตเราเสมอ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ผม ทุกคนที่ทำงานด้วยท่านเป็นห่วงทุกคน มีอะไรท่านก็ให้ ไม่ต้องไปขออะไรเพิ่ม ท่านคือเจ้านายที่ดีที่สุด”
หลังจากไม่ได้ร่วมงานกัน (เพราะทักษิณหนีคดีไปต่างประเทศ) ลุงป๊อกกล่าวว่า “ก็คนเราอะเนอะถึงจะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็อยู่ใกล้ชิดกัน ผูกพันกันเคารพกัน พอเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น ยอมรับว่าผมทําใจไม่ได้เลย ต้องไปพักผ่อน หนีไปทําใจอยู่นาน ใช้เวลาเป็นหลักเดือนครับ กว่าจะค่อยๆ กลับมา”
ลุงป๊อกยังติดตามข่าวสารของผู้ที่เป็น “นาย” เสมอ “ผมติดตามข่าวท่านเท่าๆ กับคนปกติ ไม่ได้ถึงขนาดโทรหาหรือติดต่ออะไรกัน แต่เวลาเห็นท่านในข่าวผมก็จะคิดถึงนะ อย่างลูกหลานก็ชอบเอาที่ท่านไลฟ์มาให้ดู เห็นแล้วผมก็คิดถึง เพราะจากคนที่อยู่ในรถด้วยกัน เช้ามาเจอกันทุกวัน แต่ตอนนี้อยู่คนละประเทศแล้ว ใจแป้วเหมือนกันครับ”
มีอะไรอยากบอกคุณทักษิณ? “ผมอยากขอบคุณ (ตอบทันที) ขอบคุณ ที่ท่านดูแลผมมา ขอบคุณที่ท่านคิดถึง และถ้าท่านกลับมาเมืองไทย ผมจะไปกราบเท้าท่านนะ ผมดีใจที่สุดในชีวิตเลยที่ได้เจอท่าน”
ถ้าคุณทักษิณกลับมาไทยแล้วอยากให้ คุณไปขับรถให้อีก ลุงป๊อกตอบทันทีว่า ไปสิครับ จะรออะไรล่ะ! (ยิ้มกว้าง)...
2) ลุงป๊อก หรือนายวิชัย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2566
มีข่าวว่า ทักษิณติดต่อผ่านครอบครัวมาบอกให้เก็บศพลุงป๊อกไว้ก่อน รอเขากลับมาเผา, 22 ส.ค. 2566 นายทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทย และถูกนำตัวไปจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในวันเดียวกันได้ย้ายไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
31 ส.ค. 2566 มีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษจำคุกให้นายทักษิณ จากเดิม 8 ปี คงเหลือ 1 ปี นายทักษิณต้องสงสัยว่าป่วยจริงหรือไม่ และมีอภิสิทธิ์อะไร ที่ได้นอนใน “ห้องพิเศษ” ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งได้รับการพักโทษเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567และได้กลับออกไปพักฟื้นที่บ้านจันทร์ส่องหล้าทันที 25 พฤษภาคม 2567 จึงเป็นวันที่ทักษิณเดินทางไปโคราช เพื่อไปเผาศพ “ลุงป๊อก”
3) ลุงป๊อก ได้รับความเอาใจใส่จากทักษิณมากกว่าใครอีกหลายๆ คน เช่น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์
“คมชัดลึก” เล่าว่า ปลายปี 2564 บุญทรง อายุ 61 ปี นักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เมษายน 2571
20 ปีที่แล้ว “บุญทรง” เป็นดาวดวงเด่นบนถนนการเมืองสายเหนือ เมื่อทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย และมอบให้น้องสาว เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นแม่ทัพภาคเหนือ
ทักษิณ ชินวัตร เห็นน้องสาวมือใหม่ มีประสบการณ์แค่การขายมือถือ ไม่ประสีประสาการเมือง จึงไปคว้าเอาหนุ่มใหญ่ เสี่ยฮุก-บุญทรง เตริยาภิรมย์ กรรมการผู้จัดการเบนซ์ช้างเผือก และรองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นผู้ช่วยน้องสาวทำงาน
แม่ค้าขายมือถือ-พ่อค้าขายเบนซ์ ช่วยกันวางแผนเลือกตั้งเชียงใหม่ โชคดีกระแสนายกฯ คนเมืองติดตลาด เลยลบคำปรามาสละอ่อนการเมืองได้
ในรัฐบาลไทยรักไทย เจ๊แดงไม่มีตำแหน่งในรัฐบาลทักษิณชุดแรก แต่ทักษิณก็ยังให้บุญทรงช่วยงานเจ๊แดง ทำหน้าที่ประสานกลุ่ม สส.สายเหนือ จึงเกิดเป็น
มุ้งวังบัวบาน
สมัยที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เจ๊แดงก็ให้บุญทรงตามไปเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทั่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เจ๊แดงผงาด บุญทรงได้เป็น รมช.คลัง
เมื่อมีการปรับ ครม.ต้นปี 2555 ในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บุญทรงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูแลโครงการจำนำข้าว
แล้วในที่สุดโครงการจำนำข้าว ก็ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ล่มสลาย บุญทรงต้องคดีทุจริตจำนำข้าวพร้อมกับจำเลยชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แต่เมื่อถึงวันพิพากษาคดี
ยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศ
มารดาของบุญทรงตาย บุญทรงได้สิทธิ์ไปร่วมพิธีศพในสภาพซูบผอมและผมหงอกขาว
4) “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานว่า บุญทรง ในวัย 61 ปี ไม่เพียงแต่สภาพซูบผอม ผมหงอกขาวไปตามวัยและหลายโรคที่รุมเร้า รวมทั้งแววตาที่ดูมีแต่ความทุกข์ตรมของ “บุญทรง” ที่หลายคนเห็นใจในชะตากรรมของเขาเท่านั้น
ยังมีคนสังเกตด้วยว่า ภายในงานศพของมารดา “บุญทรง” กลับไม่พบว่ามีคนในครอบครัวของชินวัตร หรือพรรคเพื่อไทย รวมไปถึง “ครอบครัวพรรคเพื่อไทย” ปรากฏตัวไปร่วมแสดงความเสียใจเลย
รวมไปถึงก่อนหน้านี้ ตลอดระยะเวลา “บุญทรง” รวมถึง ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ อยู่ในคุกในคดีเดียวกัน ก็ไม่มีข่าวคราวว่า มีการหยิบยื่นน้ำใจการดูแลใดๆ จาก “นายใหญ่-นายหญิง” แม้แต่น้อย
และต้องไม่ลืมด้วยว่า ในคดีเดียวกันนี้ก็มี“ยิ่งลักษณ์” เป็นหนึ่งในจำเลย ซึ่งในวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาเมื่อปี 2560 นาทีสุดท้าย ก่อนที่ “บุญทรง” จะเข้าห้องพิจารณาคดี ก็ยังได้คุยสายกับ “นายปู” ที่ยืนยันว่ากำลังเดินทางมาที่ศาล ให้ “บุญทรง” และพวกเข้าไปรอในห้องได้เลย ซึ่งมาวันนี้ก็เป็นรู้กันแล้วว่า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้ไปที่ศาล แต่หลบหนีออกนอกประเทศทางช่องทางธรรมชาติไปก่อนหน้านั้นแล้ว
เรียกว่า “บุญทรง” ทั้งถูกหลอกให้เป็น “แพะ” ในขบวนการทุจริตระบายข้าว ซึ่งขณะนี้สำนวนในชั้น ป.ป.ช.กำลังสาวไปถึง “ตัวการ” ที่แท้จริง และยังถูก “นายปู” หลอกจนนาทีสุดท้าย จนหลายคนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ “บุญทรง-ภูมิ” เป็นกระทำที่เข้าขั้น “เลือดเย็น”
แม้กระทั่งบนเวทีครอบครัวเพื่อไทยที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ “บุญทรง” เช่นกัน ก็ไม่มีใครปริปากถึง “บุญทรง” แม้แต่น้อย
5) ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น ท่ามกลางความเศร้าโศกเซื่องซึมของบุญทรง แต่พี่น้องชินวัตรกับร่าเริงลั้ลลากันอยู่ที่ปีนัง
22 ก.ย.2565 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการหลบหนีคดีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ระหว่างไปเที่ยวปีนัง ประเทศมาเลเซีย พร้อม นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีเช่นกัน (ในขณะนั้น)
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขียนข้อความว่า “มาปีนังเป็นครั้งที่สอง หลังจากไม่ได้มานาน มาตามหาความทรงจำเก่ากับพี่ชาย เมืองที่นี่เปลี่ยนไปเยอะ ดูบรรยากาศคล้ายภูเก็ตบ้านเราเลย คิดถึงค่ะ อาหารการกินก็คล้ายกัน
และที่แปลกขึ้นคือเมืองเขามักจะมีจุดถ่ายรูปตามทางเดิน หรือร้านค้า เพื่อให้คนถ่ายรูปเก็บเป็นภาพความทรงจำ อยากให้เมืองท่องเที่ยวของเราได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้มีจุดจดจำและถ่ายภาพประทับใจมากขึ้น เวลาใครไปถ่ายภาพคนก็จะนึกถึงและจำได้ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ ไปในตัวแบบเบาๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังโควิดที่คนนิยมท่องเที่ยวตามเทรนด์โซเชียลมีเดียเพื่อถ่ายภาพเช็กอินค่ะ และจากนั้นดิฉันกับพี่ชายก็ เลยถือโอกาสแวะไปหาขนมโบราณเก่าๆ ทานก็ทำให้หายคิดถึงบ้านเราไปบ้าง ยังไงช่วงนี้ทุกท่านก็โปรดดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ”
6) ตั้งแต่ทักษิณกลับมาเหยียบแผ่นดินไทย จนได้รับการพักโทษ เขาไม่เคยกล่าวถึงนายบุญทรงเลย และไม่เคยปรากฏข่าวว่า ใครในตระกูลชินวัตรไปเยี่ยม
นายบุญทรงเลย
ถ้าจะ “ใจดีต่อกันนิดหนึ่ง” ตามสำนวนของลูกสาวสุดที่รัก “แพทองธาร ชินวัตร”
ทักษิณควร “มีน้ำใจ” กับบุญทรง เหมือนที่มีน้ำใจกับ“วิชัย ช่างเหล็ก”
มิใช่ปฏิบัติต่อบุญทรงเหมือนกระดาษชำระที่ใช้เช็ดก้นแล้ว หรือผ้าอนามัยที่เปื้อนประจำเดือนแล้ว
หากทักษิณกตัญญูต่อบุญทรงได้เท่าลุงป๊อกคงไม่ถูกมองว่าเจ้าเล่ห์ หลอกใช้ หลายมาตรฐาน
และจะดีกว่านั้น ถ้ารู้จักกตัญญูต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ตนเองได้โอกาสตักตวงผลประโยชน์ไปแล้วมากมาย!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี