วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันที่สภาผู้แทนราษฎร ประชุมดุเดือดในปี 2475 คือวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2475 เรื่องที่มีการลุกถามและตอบโต้กันอย่างดุเดือดไม่ใช่เรื่องนโยบายการเมือง ไม่ใช่เรื่องนโยบายเศรษฐกิจแต่เป็นเรื่องที่ทหารได้เข้ามาตรวจค้นอาวุธปืนในตัวสมาชิกสภา ผู้ที่ลุกขึ้นถามคือ หลวงเดชาติวงศ์ วราวัฒน์ สมาชิกคณะราษฎรฝ่ายพลเรือน เรื่องนี้ปลัดกระทรวงกลาโหม พระยาประเสริฐสงคราม ชี้แจงว่า “ไม่ทราบในเรื่องนี้” ถึงตอนนี้ พระยามโนฯนายกรัฐมนตรี จึงชี้แจง
“ที่จริงเป็นเรื่องทางทหาร แต่พระยาราชวังสันไม่อยู่ในที่นี้ จึงขอชี้แจงแทน คือ ทหารนั้นถือว่าเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องความสงบเมื่อวานนี้ความปรากฏแก่เขาว่า มีบางคนพกอาวุธเข้ามาเป็นที่หวาดเสียวแก่สมาชิก เมื่อเขาถือว่าเป็นหน้าที่ระงับความสงบ จึ่งขออย่าให้พกเอาอาวุธเข้ามาในที่ประชุมเลย”
หลวงเดชาติวงศ์ฯ จึงได้อภิปรายเพิ่มเติม
“เหตุใดจึงไม่ขออนุญาตต่อสภานี้ความจริงสภานี้เป็นสภาอันสูงสุดของแผ่นดิน เหตุใดจึงใช้อำนาจห้ามปรามตรวจค้นโดยไม่บอกกล่าว และเมื่อผู้ที่มานั่งในสภาขั้นสูงนี้ได้แล้วก็นับว่าได้รับเกียรติยศได้ออนเนอร์ (Honour)”
ที่น่าสนใจก็คือ รองประธานสภาฯผู้ทำการแทนประธานสภาฯ พระยาศรยุทธเสนีย์ กล่าวว่า
“เรื่องนี้ข้าพเจ้าเองเข้ามาก็ถูกตรวจแต่ว่าอำนาจของสภานี้จะมีแค่ใด ในเวลานี้นั้นดูเหมือนจะรู้อยู่แล้ว และดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามตัวหนังสือ และข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด จึงขอให้ที่ประชุมวินิจฉัยว่าจะทำอย่างไร”
นายควง อภัยวงศ์ ซึ่งไม่ค่อยจะอภิปรายบ่อยนัก ได้ลุกขึ้นมาพูดอย่างดุเดือดว่า
“เมื่อได้พูดถึงเรื่องการค้นปืนแล้วใครจะแสดงความคิดเห็นว่าการกระทำครั้งนี้ผิดมากรู้สึกว่าคณะรัฐมนตรีจะกลับกลายเป็นดิ๊กเตเตอร์ (Dictator) ไปเสียแล้ว”
เมื่อโดนเล่นแรงเช่นนี้ พระยามโนฯจึงรีบชี้แจงอีกครั้ง
“เราไม่ปรารถนาที่จะเดิรแบบดิ๊กเตเตอร์ชีพ(Dictatorship) แต่การที่ต้องร้องขอค้นอาวุธปืน ก็เพราะเกิดมีความปรากฏว่ามีสมาชิกนำปืนเข้ามาด้วย เราปรารถนาจะให้ความปลอดภัยไม่ให้มีเรื่องราว และในเรื่องนี้แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ถูกค้น …แต่การทำเช่นนี้ข้าพเจ้ายอมรับ และถ้าหากว่าการที่ทำไปนี้ไม่เป็นที่พอใจของสภา ตามรัฐธรรมนูญสภาก็จะใช้อำนาจที่จะไม่ไว้วางใจให้ทำการต่อไปก็ได้”
ในวันนั้นมีสมาชิกสภาอีกหลายท่านที่ลุกขึ้นมาอภิปราย ที่น่าสังเกตก็คือสมาชิกสภาอย่างนายดิเรก ชัยนาม ที่ไม่ค่อยจะอภิปรายเล่นงานรัฐบาลนัก ยังลุกขึ้นมากล่าว
“เมื่อตะกี้นี้ท่านนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ท่านเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึ่งขอเรียนว่าการเอาทหารเข้ามานั้นก็เพื่อจะรักษาความปลอดภัยให้แก่สมาชิกผู้แทนราษฎรแต่เมื่อตะกี้นี้ได้ตั้งใจจะออกไปปัสสาวะผ่านประตูหลัง ทหารไม่ยอมให้ออกไป จึ่งใคร่ทราบว่านี่หรือเรียกว่ารักษาความปลอดภัย”
ผู้ที่อภิปรายเล่นงานรัฐบาลรุนแรงหลายหลายครั้งอีกคนคือนายจรูญ สืบแสง
“แรกเริ่มเราก็พกอาวุธปืนได้ แต่การพวกนั้นไม่ใช่เพื่อหาเรื่องยิงกันเป็นการพกเพื่อป้องกันตัว และแต่ก่อนก็มิได้มีการตรวจ ทำไมเพิ่งจะมารู้สึกเกรงกลัวกันในเวลานี้เอง และได้ทราบว่าเวลานี้นายกรัฐมนตรี พระยาศรีวิสารวาจา และนายประยูร ภมรมนตรี ได้อพยพเข้าอยู่ในวังปารุสกวันเพราะเหตุใด เพราะกลัวจะถูกยิงหรือ”
เหตุการณ์ในวันนั้นจบลง โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่ผู้ทำการแทนประธานสภาฯ ขอให้ทางทหารได้ถอนคำสั่ง ที่สั่งไปในเรื่องพกอาวุธปืน จึงเสมือนรัฐบาลแพ้ แต่ การที่นายกรัฐมนตรีและคนสำคัญในรัฐบาลอีกสองคนย้ายที่พักในคืนนั้นดูจะแปลกมาก
นรนิติ เศรษฐบุตร

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี