ดูเหมือนว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” หุ่นเชิดของระบอบทักษิณ ยังคงไม่มีสติปัญญาที่จะหาเครื่องมืออื่นมาจัดการกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนโยบายเรือธงอย่าง “โครงการดิจิทัล วอลเล็ต” แจกเงินหมื่นให้ประชาชนชื่นใจ อันเป็นนโยบาย “ซื้อเสียงล่วงหน้า” เป็นนโยบาย “ประชานิยม” ที่ระบอบทักษิณถนัดที่สุด
1) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล โพสต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า“ไปกันใหญ่แล้วววว
จากการแถลงข่าว มีนักข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อหากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะทำยังไง จะยื่นศาลมั้ย? ดิฉัน ผู้ซึ่งอภิปรายว่า ที่รัฐบาลทำอยู่มันผิด พ.ร.บ.วินัยฯ จึงตอบว่าความผิดยังไม่สำเร็จต้องรอผ่านวาระ 3 ก่อนถึงจะยื่นให้ศาล ซึ่งมันก็ต้องเป็นศาลปกครอง! ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ และดิฉันเองก็ไม่ได้พูดคำว่าศาลรัฐธรรมนูญ!”
2) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าจะยื่นให้ศาลปกครองระงับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ผ่านในวาระ 3 จะทำให้รัฐบาลเสียสมาธิหรือไม่ ว่า ไม่เสียสมาธิ เพราะเราก็ยึดมั่นว่าเราทำถูกต้อง นโยบายใดก็ตามเราต้องทำให้ถูกต้องสุจริตตรวจสอบได้
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านระบุว่า ไม่อยากให้กู้แต่อยากให้ใช้งบประมาณปกติในการทำดิจิทัล วอลเล็ต แต่พอไม่กู้แล้วใช้งบประมาณปกติ ก็บอกว่าอาจผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง เหมือนเป็นการจ้องจับผิดกันหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะเป็นหน้าที่ฝ่ายค้าน ที่ต้องดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินให้ใช้ไปในทางที่ถูก เราก็เข้าใจตรงนี้ หน้าที่รัฐบาลคือตอบคำถามให้ทุกภาคส่วนไม่ใช่เพียงฝ่ายค้าน แต่รวมถึงประชาชนให้สบายใจได้ว่าการดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องมีความโปร่งใสสุจริตตรวจสอบได้ ตนไม่ได้คิดอะไรมาก
เมื่อถามต่อว่า หากมีการยื่นศาลปกครองจริงจะสะดุดกับไทม์ไลน์หรือไม่ที่ไตรมาส 4 จะมีการจ่ายเงินในโครงการดังกล่าว นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ตนเชื่อมั่นอย่างนั้น และก่อนที่เราจะทำเราก็ต้องมั่นใจแล้ว ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น และคิดว่าคงไปไม่ถึงจุดนั้น
เมื่อถามอีกว่า หากดูช่องทางตามข้อกฎหมายของโครงการดิจิทัล วอลเล็ตแล้ว ไม่ได้ผิดกฎหมายใช่หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าผิดกฎหมายทำไม่ได้อยู่แล้วเมื่อถามต่อว่า หากฟังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านมามีอะไรที่รัฐบาลจะหยิบความคิดเห็นจากฝ่ายค้านมาปรับใช้บ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวเรามานั่งคุยกันก่อนในทีมงาน ซึ่งมีหลายข้อที่ฟังแล้วน่าสนใจ
2) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ “บทสรุป #งบ68 : สิ่งที่ประชาชนต้องการอาจไม่ใช่พายุหมุน แต่คือลมใต้ปีก” ดังนี้...
ปี 2568 ยังคงเป็นปีที่ทั้งยากและเสี่ยงสำหรับประชาชน มีความลำบากทั้งแง่เศรษฐกิจและปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดังนั้นงบประมาณที่รอบคอบ มีการบริหารความเสี่ยง และมีความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและความกินดีอยู่ดีของประชาชน จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ในช่วงถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผมได้ศึกษาวิธีการทำงบประมาณของ “องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา” (OECD) ที่มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงบประมาณของไทย ซึ่งน่ายินดีที่ตอนนี้OECD รับไทยเข้าสู่กระบวนการเป็นสมาชิก
สิ่งที่ OECD นำเสนอ “งบประมาณ” คือการเรียงลำดับความสำคัญ เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด ต้องจัดความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนที่จ่ายภาษีกับรัฐที่ใช้ภาษี ทั้งนี้จากการศึกษาการจัดทำงบประมาณของหลายประเทศ ผมประทับใจของนิวซีแลนด์เมื่อปี 2019 ที่ใช้คำว่า the Wellbeing Budget หรือ การจัดงบที่ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี พูดถึงความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการลดความเหลื่อมล้ำ การทำงบประมาณที่ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ระยะสั้น แต่คำนึงถึงความเสี่ยงระยะยาว ไม่ได้คิดแค่การโปรยเงินจากบนลงล่าง แต่จากล่างขึ้นบน
บางครั้งสิ่งที่ประชาชนคนเดินดินกินข้าวแกงต้องการ อาจไม่ใช่พายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่ต้องการลมใต้ปีกให้คนตัวเล็กๆ ผ่านการทำงบประมาณและยุทธศาสตร์อย่างละเอียด มีโครงการที่ใส่ใจ
3) นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ตว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลบอกว่า จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจนั้น จะหมุนไปทางไหน ไปหาเจ้าสัว ไปต่างประเทศ หรือไปเข้ากระเป๋าใคร คงไม่ทำให้เกิดพายุหมุนหลายรอบ งบประมาณโครงการดังกล่าวถูกนำมาใช้เพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้โครงการดีๆ อื่นๆ ถูกตัดลดงบลงไป ยังไม่รวมถึงการที่รัฐบาลต้องตามมาใช้หนี้ในอนาคตอีก วันนี้รัฐบาลกู้มาเกือบเต็มเพดานกู้แล้ว ทำให้ประเทศอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง เพราะยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีวิกฤตใดเกิดขึ้นอีก ถ้ามีวิกฤตเกิดขึ้นจะกู้เงินไม่ได้อีก
“นายกฯประกาศจะทำให้คนไทยเป็นเศรษฐี แต่สถานการณ์วันนี้ถามว่า จะพาคนไทยเป็นเศรษฐีได้กี่โมง โรงงานพากันปิดตัวต่อเนื่อง เพราะขาดการเชื่อมั่นจากนักลงทุน เราไม่ได้พัฒนาประชาชนให้พร้อมรับการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลง และยังประสบปัญหาแรงงานลดลงในอนาคต งบรายจ่ายปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท จึงไม่ตอบโจทย์การสร้างการแข่งขัน หรือแก้ปัญหาประเทศ แต่รัฐบาลแค่พยายามไม่ให้ถูกกล่าวหาว่า ไม่รักษาสัญญาเท่านั้นเอง” นายสรรเพชญ กล่าว
4) วันที่ 19 มิถุนายน 2567 Bloomberg เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งระบุว่า ด้วยประมาณการการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4%ในปีนี้ หลังจากขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7% ในปีที่แล้วดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นอุปทานแบบทั้งกระดานแล้ว (Across the Board)
นอกจากนี้เศรษฐพุฒิยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลควรปรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นโดยให้ครอบคลุมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 15 ล้านคนเท่านั้น
“ถ้าคุณต้องการทำโครงการนี้ (ดิจิทัล วอลเล็ต) ควรทำแบบเฉพาะเจาะจง (Targeted) และลดขนาดลง (Smaller)” เศรษฐพุฒิกล่าว “เราไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการบริโภคแบบทั้งกระดาน”
นายเศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนจะปรับตัวจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและเปราะบางยังคงประสบปัญหาจากผลกระทบจากโรคระบาดและต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นหากจำกัดกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับดิจิทัล วอลเล็ต เฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฐานะทางการคลังของรัฐบาลก็อาจดีขึ้น
นายเศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังมีความไม่แน่นอนพอสมควร ด้วยเหตุนี้ ธปท.จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้และปีหน้าจะขยายตัวที่ 2.6% และ 3% ตามลำดับ โดยไม่รวมผลจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต
พร้อมทั้งมองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยจะกลับมาสู่ระดับศักยภาพที่ 3% แม้ไม่มีโครงการดิจิทัล วอลเล็ต นับเป็นการส่งสัญญาณว่า การดำเนินนโยบายการเงินของไทย (The Monetary Policy Path) จะไม่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะมีดิจิทัล วอลเล็ต หรือไม่
5) อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “วิกฤตเศรษฐกิจ กับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เฉพาะข้อที่ถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า
ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ควรหยุดการดำเนินการในนโยบายนี้ได้แล้ว
ร้อยละ 33.66 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ ตามที่ได้ประกาศไว้
ร้อยละ 18.55 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ
ร้อยละ 5.88 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2568
ร้อยละ 4.58 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2568 แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ
ร้อยละ 2.67 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนหากนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ตัดสินใจยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ร้อยละ 68.85 ระบุว่า ไม่โกรธเลย
ร้อยละ 12.37 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 9.39 ระบุว่า โกรธมาก ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธร้อยละ 0.54 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร พรรคร่วมรัฐบาลจะเอาด้วยไหม และสุดท้าย เรือธงลำนี้ จะล่มเฉพาะพรรคเพื่อไทย หรือจะล่มประเทศไทยให้ล่มจมตามไปด้วย
รอดูกันครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี