แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ ความเจริญของประเทศชาติ เป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ตามความถนัดและความสามารถ และเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตนเอง... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม 2513)...
■■ ยิ่งใกล้วันที่ 7 สิงหาคม เข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งเท่ากับตอกย้ำว่าพรรคก้าวไกลน่าจะใกล้วันอวสานพรรคมากขึ้นเท่านั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คนของพรรคก้าวไกลรู้ตัวดี เพราะรู้ดีว่าได้กระทำการอันใดลงไป แล้วก็รู้ดีด้วยว่าการกระทำการในสิ่งนั้นมีเจตนาโดยตรงอย่างไรต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ถึงแม้คนในพรรคก้าวไกลย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ก็ยังคงต้องทำปากแข็ง ทำใจดีสู้เสือแล้วก็ยังคงอ้างว่าไม่มีเจตนาร้ายแต่อย่างใดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วยังคงอ้างอีกว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะหวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ข้ออ้างกับพฤติกรรมมันไปด้วยกันไม่ได้...
■■ แล้วยิ่ง ก้าวไกล คิดว่าตนเองฉลาดล้ำเหนือคนอื่น แล้วยังคิดว่าคนอื่นด้อยและเขลากว่าตน ก็ยิ่งทำให้คนที่เขารู้ทันความคิดของก้าวไกล ยิ่งรู้สึกสมเพชเวทนาก้าวไกลมากยิ่งขึ้น อันที่จริงคนไทยจำนวนไม่น้อยชื่นชมที่ก้าวไกลพยายามทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่อง digital wallet อย่างเข้มแข็ง แล้วก็ให้กำลังใจการทำงานเรื่องนี้ แต่ก็มีคำถามมาโดยตลอดว่าทำไมก้าวไกลจะต้องโหนกระแส แล้วบางครั้งก็ปลุกกระแสกับเด็กๆ ในเรื่องความไม่ปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่เขารู้ทันก้าวไกล เขาบอกมาโดยตลอดว่า การแสดงความหวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่การแสดงออกแบบที่ก้าวไกลกระทำ หากก้าวไกลจะฟังคำท้วงติงตั้งแต่แรก แล้วปรับท่าทีลง ก้าวไกลก็น่าจะได้ใจคนไทยเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยแต่นี่เพราะก้าวไกลหวังจะใช้รูปแบบคุกบาสติลโมเดล ก็จึงทำให้ก้าวไกลก้าวพลาด ส่วนที่อ้างว่ายิ่งตียิ่งโตนั้น ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะก้าวไกลทำทุกอย่างที่ผ่านมาโดยการสร้างกระแส เพราะฉะนั้น ก็ต้องปั่นและสร้างกระแสไปเรื่อยๆ หากวันใดไม่มีแรงปั่นกระแส วันนั้นก็ฟุบและแฟบอย่างไม่ต้องสงสัย...
■■ ในขณะที่รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยแสดงอาการลิงโลดเริงร่ามากมาย เมื่อได้เห็นคนหลายล้านคน บางกระแสบอกว่าประมาณ 20 ล้านคน (โดยดูตัวเลขในช่วงค่ำวันที่ 2 สิงหาคม) ลงทะเบียนใน Apps ทางรัฐ เพราะหวังจะได้เงิน 1 หมื่นบาท จากโครงการ digital wallet แต่ในทางกลับกันก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อย แต่ไม่สามารถระบุจำนวนได้ชัดเจน ประกาศว่าไม่ลงทะเบียนรับเงิน digital wallet อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมาตามดูกันต่อไปว่าผู้ลงทะเบียนในครั้งนี้จะมีทั้งหมดกี่ล้านคน เพราะขณะนี้ยังไม่ปิดลงทะเบียน โดยจะปิดลงทะเบียนผ่าน Apps ทางรัฐ วันที่ 15 กันยายน สำหรับคนที่มี smart phone ส่วนคนไม่มี smart phone จะเปิดให้ลงทะเบียน 16 กันยายนถึง 15 ตุลาคม...
■■ มีประเด็นน่าสนใจตรงที่มีคำเตือนจากคนในสังคมว่า Apps ทางรัฐ ไม่น่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ดูตัวอย่างจาก เจ้าของคอลัมน์ในไทยรัฐ ที่ใช้ชื่อคนเขียนว่าลมเปลี่ยนทิศในประเด็น ข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยที่สมัคร Apps ทางรัฐ ที่ต้องใช้บัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและหลังในการสมัคร และต้อง scan ใบหน้าผู้สมัครด้วย หากถูก Hack ระบบเมื่อไร ความหายนะจะเกิดทั้งประเทศและที่สำคัญคือไม่มีใครระบุได้ชัดเจนว่าบริษัทไหนเป็นคนรับผิดชอบ Apps ทางรัฐ หากเกิดปัญหาการ Hack ระบบขึ้นมา รัฐบาลชุดนี้จะรับผิดชอบความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างไร...
■■ รวมถึงมีคำเตือนจากธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องความปลอดภัยของการทำงานของระบบเติมเงินผ่าน Apps ของรัฐบาล โดยบอกว่าระบบนี้ไม่อยู่ในความดูแลด้านความปลอดภัยของธนาคารแห่งประเทศไทย แถม Apps ยังเป็นระบบ open loop ที่เชื่อมโยงกับระบบของธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่งและยังเชื่อมโยงกับระบบของ non bank อีกด้วย และธนาคารแห่งประเทศไทยยังเตือนเรื่องการขายลดสิทธิ์ระหว่างประชาชนผู้ได้รับเงินกับร้านค้าที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ โดยผู้ขายสิทธิ์ต้องการเงินสด แม้จะถูกหักเงินไปก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ยังไม่เห็นมาตรการป้องกันใดๆ จากรัฐบาล...
■■ ธรรมกร ขอเรียกร้องและเชิญชวนให้คนไทยที่ไม่ต้องการร่วมสร้างหนี้ให้กับประเทศไทย และสร้างหนี้จำนวนมหาศาลเพิ่มให้กับคนไทย ไม่ลงทะเบียนใน Apps ทางรัฐ และไม่เข้าไปขอรับเงิน digital wallet จากรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เหตุผลก็คือ เพราะไม่ต้องการให้คนไทยร่วมกันสร้างหนี้สินเพิ่มให้กับประเทศ...
■■ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ธรรมกร ไม่ได้คัดค้านการช่วยเหลือคนยากคนจนตัวจริงให้มีเงินใช้ และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ แต่นั่นหมายความว่ารัฐบาลต้องมีปัญญารู้ให้ชัดเจนว่าใครจนจริงๆ แล้วช่วยให้ตรงคนไม่ใช่หว่านแจกเงินแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ หว่านแจกไปโดยที่ไม่สามารถบอกได้ว่าการสร้างหนี้ครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้จริงหรือไม่ เพราะในเชิงเศรษฐศาสตร์นั้นมองตรงกันว่าการแจกเงิน 5 แสนล้านบาท (ปัจจุบันปรับลดเหลือ 4.5 แสนล้านบาท) ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน แต่ทำให้เศรษฐกิจโตได้ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แม้รัฐบาลเองก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ยังพยายามจะฝืนทำต่อไป เพียงเพราะต้องการทำให้ได้ตามที่หาเสียงไว้ แต่กลับไม่นำพาถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...
■■ ปิดท้ายด้วยเรื่องที่นักข่าวการเมืองทุกคนกำลังสืบหาว่าทำไมนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร จึงขออนุญาตศาลไปดูไบ จนเกิดข่าวศาลไม่อนุญาต เรื่องนี้นักข่าวการเมืองไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องปกติ แต่มั่นใจว่านักโทษชายทักษิณมีแผนการร้ายบางอย่าง อย่างแน่นอน ถามว่าทำไมนักโทษชายทักษิณอ้างเรื่องป่วยหนัก ทั้งๆ ที่สาธารณชนพบว่าเขาเริงร่ามากจนผิดสังเกต พร้อมกับมีคำถามว่าคนป่วยใกล้ตาย ทำไมจึงเริงร่าได้ถึงเพียงนี้...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี