สัจธรรมชีวิตของคนเราที่ปราชญ์จีนกล่าวไว้และถ่ายทอดสืบต่อกันมาให้เป็นข้อคิดได้ตระหนักกัน มีอยู่ว่า
เมื่ออายุถึง 60 ปี : ตำแหน่งใหญ่-เล็ก มีค่าเท่ากัน
70 ปี : มีเมียมาก-น้อย มีค่าเท่ากัน (บุรุษเพศ)
80 ปี : รวยมาก-รวยน้อย ไม่ต่างกัน
90 ปี : อยู่หรือตาย ไม่ต่างกัน
ทั้งหมดนั้น ดูเหมือนว่านักการเมืองส่วนใหญ่ของบ้านเราวิ่งสวนทาง ประเภทมีแล้วไม่รู้จักพอ จึงได้เห็นแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันราวกับ“สุนัขแย่งชามข้าว” เพราะเลือกตั้งแต่ละครั้งหมดกันเป็นร้อยเป็นพันล้าน เมื่อมีอำนาจก็ย่อมสามารถถอนทุนคืนได้
สำหรับคณะรัฐมนตรี“อุ๊งอิ๊งค์ 1” ถ้าพูดภาษาไทยแบบนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทย และนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของตระกูลชินวัตร วัย 38 ปี นามว่า“แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งมักจะใช้ภาษาไทยผสมภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ก็ต้องบอกว่าใกล้จะ“ไฟนอล”แล้ว
จากการให้สัมภาษณ์ของ“คุณหนูอุ๊งอิ๊งค์”ล่าสุดเมื่อสองวันก่อน เธอเปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า รายชื่อและตำแหน่งของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองต่างๆ นิ่งแล้ว จะเหลือก็เพียงขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ ที่เธอคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้
การเปิดเผยของ“แพทองธาร ชินวัตร” เชื่อได้ว่าไม่ผิด เพราะตรงกับที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เปิดเผยกับสื่อเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากใครก็รู้ว่าอดีต”สหายใหญ่”อันเป็นชื่อจัดตั้งของนายภูมิธรรมเมื่อครั้งที่เคยเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เป็นผู้รู้จริง-ข้อมูลถูกต้อง
ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งมีข่าวว่าจะนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีควบกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล“อุ๊งอิ๊งค์ 1”นั้น เป็นผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง และเป็น“มือวาง”ที่ไว้ใจได้ของ“ศูนย์กลางอำนาจรัฐ”แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งจัดโผคณะรัฐมนตรีชุดนี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งอันที่จริงเหมาะที่จะนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง” แต่คุณสมบัติไม่อำนวย-วาสนาก็ไม่มี เพราะนามสกุลเวชยชัย และไม่ได้เป็นดีเอ็นเอที่สืบสายเลือดของอดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร จึงเป็นได้แค่รองนายกรัฐมนตรีและผู้จัดการรัฐบาล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่ใช้เวลามาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ หลังจากมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ถ้ากระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีดำเนินการได้เร็ว ก็จะทำให้ขั้นตอนอื่นๆ เร็วตามไปด้วย
และจากการประเมินของนายภูมิธรรม เวชยชัย โดยได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “คาดว่าพยายามจะให้เสร็จภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ บวกลบแล้วไม่เกิน 3 วัน-ถ้าเป็นไปได้ เพราะปัญหาที่สำคัญก็คือ ขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเราไม่อาจไปก้าวล่วงได้ เป็นพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน”
สำหรับคณะรัฐมนตรี“อุ๊งอิ๊งค์ 1”ตามข่าวที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าและแนวหน้าออนไลน์ได้มาในเบื้องต้นนี้ สัดส่วนของพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะได้รัฐมนตรีทั้งหมด 17 ตำแหน่ง ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการ 9 คน, รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 6 คน
นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
อีกหนึ่งคนซึ่งติดติ่งมาเป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรคเพื่อไทย คือนายอัครา พรหมเผ่า น้องชายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่“หันหน้ากันคนละทาง-สร้างดาวกันคนละดวง” กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยนายอัคราได้รับการจัดสรรให้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ
พรรคภูมิใจไทยได้ 8 เก้าอี้ 9 ตำแหน่ง ประกอบด้วยเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี, 4 รัฐมนตรีว่าการ และ 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ซึ่งเป็นรายชื่อเดิมและกระทรวงเดิมสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นางศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 เก้าอี้ 5 ตำแหน่ง, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ ได้พรรคละหนึ่งเก้าอี้ และยังคงตำแหน่งเดิม คือ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่รู้กัน “ต่อ-เดช” ได้ 2 เก้าอี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือนิ๊คเนมว่า“ต่อ”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เก้าอี้เดิมของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อปี 2548 ลงสมัคร สส.สงขลา ในนามพรรคไทยรักไทย แต่สอบตก ก่อนจะย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในเวลาต่อมา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นเก้าอี้เดิมของนายสันติ พร้อมพัฒน์ จึงเท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยโดย“นายใหญ่”ที่ตัดเป็นตัดตายกับ“ตระกูลวงษ์สุวรรณ” ริบ 2 เก้าอี้รัฐมนตรีที่เคยเป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มาประเคนให้พรรคประชาธิปัตย์
สุดท้ายอีก 2 ตำแหน่ง ซึ่งในทางพฤตินัยเป็นที่รู้กันว่า เป็นโควตาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่เลี่ยงบาลี เพื่อไม่ต้องเสี่ยงกับการกระทำที่ผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงกำหนดสัดส่วนเป็นโควต้าคนนอก นั่นก็คือ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หรือมีชื่อเล่นว่า“แหม่ม”หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ในฐานะเงาร่างของ ร.อ.ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ ร.อ.ธรรมนัส เคยนั่งสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และอีกหนึ่งคน คือ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ แทนนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ผู้เป็นบุตรชายที่จำต้องยอมสละตำแหน่งนี้ให้บิดาเพื่อไม่ต้องเกี่ยวโยงกับพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับที่ ร.อ.ธรรมนัส ยกเก้าอี้ให้นางนฤมลนั่งแทน
ต้องดูว่าสุดท้ายแล้ว จากรายชื่อรัฐมนตรีของรัฐบาล“อุ๊งอิ๊ง 1”ที่ตัวนายกรัฐมนตรีถูกบิดา“ครอบครอง”และเข้าข่ายว่าอาจจะ“ครอบงำ”นั้น จะมีใครพลัดตกระหว่างทางเพราะคุณสมบัติไม่ผ่านบ้าง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี