คณะรัฐมนตรี“อุ๊งอิ๊งค์ 1”ซึ่งได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..และได้ประกาศอย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 กันยายนวานนี้..เป็นไปตามโผที่สื่อทุกสำนักได้นำเสนอก่อนหน้านี้
มีรองนายกรัฐมนตรี 6 คน, รัฐมนตรีว่าการ 19 คน, รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 14 คน..รวมแล้ว 35 คน 41 ตำแหน่ง
ถือว่า“เต็มแม็กซ์”ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกำหนดไว้..คือมีรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 35 คน และรวมนายกรัฐมนตรีอีก 1 คน-เป็น 36 คน..จะเกินไปจากนี้ไม่ได้อีกแล้ว..แต่ถ้าจะตั้งให้รัฐมนตรีทั้ง 35 คนควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเหมือนกับรัฐนตรีว่าการ 6 คนในรัฐบาล“อุ๊งอิ๊งค์ 1”ชุดนี้ก็สามารถทำได้..ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ..เพราะรัฐมนตรีก็ยัง 35 คนเท่าเดิม..เพียงแต่ย้ายก้นไปนั่งควบ 2 เก้าอี้เท่านั้น
คณะรัฐมนตรี“อุ๊งอิ๊งค์ 1”จำนวน 35 คนที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งในคราวนี้..ได้มีการจับใส่ตะแกรงร่อนแล้วร่อนอีกจนสะเด็ดน้ำ..ว่ามีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญ“ปราบนักการเมืองโคตรโกง”ฉบับนี้หรือไม่..เพราะหาใม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีที่มีวันนี้“เพราะพ่อให้”พลอยซวยไปด้วย..เฉกเช่นที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ต้องพ้นจากจตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..จากการตั้ง“ทนายถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน”เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
คุณสมบัติในมาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญที่นักการเมือง“สันหลังหวะ”กลัวนักกลัวหนาและมีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้นั้น..กำหนดไว้ 8 ประการด้วยกัน คือ มีสัญชาติไทยโดยการเกิด, มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี, สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า, มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์, ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง, ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98, ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท, ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง
ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ก็อาทิเช่น ติดยาเสพติดให้โทษ, เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต, เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ, อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล เป็นต้น..ส่วนมาตรา 186 หรือมาตรา 187 ก็เป็นรายละเอียดแตกออกไปอีก..แต่โดยสรุปก็คือ ยึดมาตรา 160 เป็นหลัก
การร่อนตระแกรงบุคคลที่จะเข้าไปเป็นรัฐมตรีในคณะรัฐบาล“อุ๊งอิ๊งค์ 1”เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมก่อนจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้า.. จึงทำให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ จากพรรคภูมิใจไทย และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แม้จะเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐในนาม แต่กายและใจไปสวามิภักดิ์พรรคเพื่อไทย..ต้องถอนชื่อของตนเองออก..เพราะมีปูมหลังเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีอาญาที่อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญเป็นชนักติดตัวอยู่..โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้ยกตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯให้ “บิ๊กอาย-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” หัวหน้าพรรคกล้าธรรม เข้าไปเป็นรัฐมนตรีแทน..พร้อมกับส่งนายอัครา พรหมเผ่า ซึ่งเป็นน้องชาย เข้าไปเป็นรัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ..โดยใช้โควตาคนนอกของพรรคเพื่อไทย..ส่วนนายชาดา ก็ถอนชื่อออกในวินาทีสุดท้าย..ด้วยการส่งนางสาวชาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาว เข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระรวงมหาดไทยแทนตนเอง
ไล่เรียงรายชื่อรองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการ, รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการ..รวมทั้งหมด 35 คน 41 ตำแหน่ง..ก็มีดังนี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม...ซึ่งในจำนวนนี้มีนายประเสริฐ เพียงคนเดียวที่เป็นหน้าใหม่ได้เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี..ถือว่าหน้าใหม่ของรัฐบาล“อุ๊งอิ๊ง 1”..อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง..เคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางสาวจิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี..ที่ยังนั่งเก้าอี้เดิมตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
รัฐมนตรีว่าการ 19 คน นอกเหนือจากนายภูมิธรรม เวชยชัย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายอนุทิน ชาญวีรกูล, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, นายพิชัย ชุณหวชิร และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่นั่งควบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีแล้ว..อีก 13 คนประกอบไปด้วย..นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นางสาวศุภมาส อิศรภักดี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ในจำนวนรัฐมนตรีว่าการ 13 คนที่ว่ามานั้น..มีหน้าใหม่ 5 คน ที่ไม่ใช่รัฐมนตรีซึ่งเคยนั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเดิมในสมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นั่นก็คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล“อุ๊งอิ๊งค์ 1”ในคราวนี้..ต้องฝ่าด่านมาด้วยเลือด และมีเรื่องราวที่จะต้องสะสางภายในพรรคประชาธิปัตย์ต่ออีกในวันข้างหน้า, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน“รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง“รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช” โดยเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคราวนี้ไม่เหนือความคาดหมาย..เพราะอยู่ในสังกัด“บ้านจันทร์ส่องหล้า”..นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า..เข้ามาเพราะ“ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”..นายสรวงศ์ เทียนทอง มาตามโควตาในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอีกคนหนึ่งนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์..ถือว่าถึงเวลาแล้วในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เข้ามาตามโควต้าพรรคเช่นกัน
ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการ 14 คน มีหน้าใหม่ 6 คน ก็คือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม โควต้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายอัครา พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์..ซึ่งสองคนนี้เป็น”กลุ่ม-ก๊วน"ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาวนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โควต้าพรรคภูมิใจไทย, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โควต้าพรรคเพื่อไทย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่โชกเลือดเข้ามาคู่กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
รัฐมนตรีช่วยว่าการหน้าเก่าสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มี 8 คนที่ยังนั่งเก้าอี้ตัวเดิมคือ..นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (พรรคเพื่อไทย), นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (พรรคเพื่อไทย), นางมนพร เจริญศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (พรรคเพื่อไทย), นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (พรรคเพื่อไทย), นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พรรคภูมิใจไทย), นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พรรครวมไทยสร้างชาติ), นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (พรรคภูมิใจไทย) และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พรรคภูมิใจไทย)
ทั้งนี้ อดีตรัฐมนตรีที่เคยร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ไม่ได้ไปต่อต้องตกจากเก้าอี้มีทั้งหมด 10 คน คือ นายสุทิน คลังแสง, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายจักรพงษ์ แสงมณี, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ , ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร, น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์
จากนี้ไปตามไทม์ไลน์..หลังจากคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันศุกร์ที่ 6 กันยายนพรุ่งนี้..ถัดจากนั้นในวันเสาร์ที่ 7 กันยายนก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ..เพื่อพิจารณาเห็นชอบร่างนโยบายที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา..ซึ่งมี“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมนัดแรก..โดยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีจะมีการถ่ายภาพหมู่ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า..ตามที่เคยปฏิบัติกันมา..ส่วนการแถลงนโยบายจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน
สรุป-ภาพรวมของรัฐบาล“อู๊งอิ๊ง 1”ไม่มีอะไรแปลกใหม่..ที่แปลกใหม่ไปจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็คือ..อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร สามารถกระชับอำนาจได้เต็มไม้เต็มมือ..ในฐานะผู้ครอบครอง“แพทองธาร ชินวัตร”..บุตรสาวผู้เป็นทายาทสืบทอดอำนาจของตระกูลชินวัตรรุ่นที่ 3 !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี