ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาซึ่งต้องสอดคล้องกับหมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ ตามมาตรา 64 ประกอบมาตรา 65 ที่บัญญัติให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติ เป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้อง และบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมาย และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนํามาใช้จ่ายในการดําเนินนโยบาย
การจัดทำ การกำหนดเป้าหมาย ระยะเวลาที่จะบรรลุเป้าหมาย และสาระที่พึงมีในยุทธศาสตร์ชาติ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงด้วย
พิเคราะห์นโยบายของคณะรัฐมนตรีสืบสันดานภายใต้การนำธงของ “มาดามแพ/-อุ๊งอิ๊งค์,แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน”น่าสนใจว่าจะเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะความสอดคล้องกับ “ยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี” ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล และวิสัยทัศน์ที่ว่า“ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
ยุทธศาสตร์ชาติประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง, ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน, ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์, ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม, ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
นายกฯสืบสันดานบอกว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจที่เราเติบโตได้น้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สิน, ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมและการเมือง
“ความท้าทาย” นี้รัฐบาลพร้อมจะประสานงานทุกภาคส่วนเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมของคนทุกกลุ่มอย่างเท่่าเทียม พร้อมเสริมศักยภาพ สร้างโอกาสให้ประชาชนทั้งบทบาทและสิทธิ เพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหาที่รุมเร้าและทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงขณะที่ นโยบาย ที่จะแถลงต่อรัฐสภานั้นมีอยู่ประมาณ 10 หน้ากระดาษ เพื่อให้ประชาชนคนไทย มีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
เริ่มต้นจากกองทุนวายุภักษ์ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ, สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรมของผู้ประกอบการไทย แก้ไขปัญหาหนี้สินธุรกิจเอสเอ็มอี, ออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ควบคู่การจัดทำการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ต่อด้วยกาสิโนรัฐบาลจะสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าร้อยละ 50 ของจีดีพี จัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข อุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน ตามด้วยนโยบายเรือธง, เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ตบท้ายด้วย “การทำ Entertainment Complex... และสร้าง Man-made attraction เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งสร้างรายได้การท่องเที่ยวถึง 2-3 ล้านล้านบาท } พัฒนาเพิ่มขีดศักยภาพประเทศไว้วาระท้าย
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ทั้งหลายทั้งปวงของนโยบายรัฐบาลสืบสันดานทั้งเร่งด่วนทั้งนโยบายระยะยาว ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา64, 65 อีกทั้งการจัดสรรสวัสดิการด้านต่างๆให้ประชาชนก็เข้าข่ายประชานิยมตามระบอบทักษิณ
หาใช่นโยบายยุทธศาสตร์ชาติตามหลักปรัชญาพอเพียงแต่อย่างใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี