วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ครั้งแรกของสยาม ที่เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ได้มีขึ้นในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ผลของการเลือกตั้ง ได้ผู้แทนราษฎรจำนวนทั้งหมด 78 นาย นั่นก็คือไม่มีผู้แทนราษฎรที่เป็นสุภาพสตรีแม้แต่คนเดียว
ในการออกเสียงเลือกตั้งครั้งแรกนี้มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ 4,278,231 คน และมีผู้มาใช้สิทธิ์มากถึงร้อยละ 41.45 คือมาใช้สิทธิ์ 1,773,532 คน นับว่าประชาชนมีการตื่นตัวและสนใจมาออกเสียงเลือกตั้งกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นเครดิตของรัฐบาลที่พยายามส่งเสริมและดำเนินการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง แม้จะเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมก็ตาม มีการบันทึกไว้ว่าจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งน้อยที่สุดคือจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีผู้มาออกเสียงใช้สิทธิ์เพียงร้อยละ 17.71 เท่านั้น ส่วนจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งมากที่สุดคือจังหวัดในภาคกลางได้แก่จังหวัดเพชรบุรี มีจำนวนมากถึงร้อยละ 78.82
หลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยประชาชนซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 แล้ว จึงได้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 จำนวน 78 คนเท่ากัน ขึ้นแทนสมาชิกสภาฯชั่วคราวที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ในจำนวนสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้ง 78 คน มีสมาชิกของคณะราษฎรหรือคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ต่างกับสมาชิกฯชุดชั่วคราวที่มีสมาชิกคณะราษฎรอยู่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
พิธีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่นี้ได้มีขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ความตอนหนึ่งว่า
“วันที่ 10 ธันวาคม เป็นศุภมงคลวารสำหรับประชาชนชาติไทย เมื่อปีกลายนี้เป็นวันประกอบพระราชพิธีพระราชทานพระบรมราชานุมัติให้ตราและประกาศรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เพื่อประชากรจะได้ดำรงอิสราธิปไตยโดยสมบูรณ์สืบไป
การที่จะให้รัฐธรรมนูญเป็นผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์นั้น จะจะต้องมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรกอร์ปด้วย สมาชิกสมาชิกทั้งสองประเภท ดั่งมีบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ … … ข้าพเจ้าขอถืออุดมฤกษ์นี้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 2 เป็นการประชุมสมัยสามัญ บัดนี้เป็นต้นไป”
ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2476 ได้มีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2476 เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกล่าวเปิดประชุมและอ่านข้อบังคับการประชุมฯให้ที่ประชุมฟัง แล้วเชิญ หลวงวัฒนคดี ผู้แทนฯจังหวัดพังงาซึ่งมีอายุมากที่สุดขึ้นทำหน้าที่ประธานชั่วคราวกล่าวนำการปฏิญาณตนและดำเนินการเลือกตั้งประธานและรองประธานสภาฯ ซึ่งได้มีการเสนอชื่อพระยาเทพหัสดิน รวมอยู่ด้วย แต่ท่านผู้นี้ได้ขอถอนตัวโดยอ้างเหตุผลที่น่าสังเกตมาก
“คือตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นตำแหน่งสำคัญ ควรเลือกเอาบุคคลที่มีคุณวุฑฒิ และมีฐานะดีพอสมควร รับรองทูตและชาวต่างประเทศได้ สำหรับข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธว่าข้าพเจ้าไม่กว้างในสมาคมสมาคมชาวต่างประเทศ แต่ถ้าว่าฐานะส่วนตัวของข้าพเจ้ายังไม่ดีพอ เพราะบ้านข้าพเจ้าเป็นที่สำหรับประกอบการอาชีพในการรีดนมโค เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าความเสียใจที่จะรับตำแหน่งนี้ไม่ได้ เกรงว่าจะเป็นที่อับอายขายหน้าแก่ชาวต่างประเทศ ถ้าจะมีการต้อนรับในครอบครัว…”
ข้ออ้างนี้ทำให้มีผู้ได้รับการเสนอชื่อรายอื่นได้ขอถอนตัว โดยอ้างเหตุผลเดียวกันว่าไม่มีบ้านใหญ่โตที่จะรับรอง มีผู้ได้รับการเสนอชื่อที่ไม่ถอนตัวก็คืออดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของประเทศ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ที่ประชุมจึงได้เลือกท่านเป็นประธานสภาฯและได้เลือกรองประธานสภาฯคนที่ 1 ซึ่งได้แก่พระยาศรยุทธเสนีย์ สมาชิกสภาฯ ประเภทที่ 2 และเลือกนายพลโท พระยาเทพหัสดิน สมาชิกสภาฯประเภทที่ 1 เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 2

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี