“สหายใหญ่ /-ภูมิธรรม เวชยชัย”นักการเมืองผู้แผดเสียงราวกับ “ผู้ยิ่งใหญ่” ใน “รัฐบาลสืบสันดาน” ที่ได้ “พ่อจุ้นจ้าน” ดัดจริตเลี่ยงบาลีครอบครองไม่ครอบงำ ประกาศประกาศิตแข็งกร้าวตามสไตล์ “เพื่อไทยการละคร” ยืนยัน “เกาะกูด” เป็นของไทย “กัมพูชา”ไม่เคยขอเจรจาเรื่อง “เส้นแบ่งเขตแดน”
เรื่องเส้นเขตแดน โดยข้อเท็จจริงในเรื่องเกาะกูด ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยฝรั่งเศสล่าอาณานิคมว่าเกาะกูดเป็นของไทย ขออย่าหลงประเด็น ทว่าสิ่งสำคัญ คือ ใต้ทะเลบริเวณดังกล่าวที่มีทรัพยากรธรรมชาติแหล่งพลังงานธรรมชาติทั้งก๊าซและ น้ำมันที่มีปริมาณใช้ได้อีก 10 ปี หากไม่เจรจาตกลงกันเพื่อนำผลประโยชน์ขึ้นมาใช้ความสำคัญก็จะลดลง การเจรจาตกลงก็คาดว่าน่าจะใช้เวลาราว 5 ปี หากไม่ทำอะไรภายใน 10 ปี ก็ไม่มีความหมายเพราะปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น และเพื่อปกป้องประเทศจะเสียโอกาสจะต้องสูญเสียทรัพยากรพลังงานธรรมชาติตรงนี้ไป
เราเชื่อว่าสังคมไทยก็เชื่ออย่างนั้น เชื่อในเรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาติที่จะได้รับจาก “แหล่งทรัพยากรพลังงานทางธรรมชาติ”
ทว่า “สหายใหญ่” ควรตั้งสติออกอาการตีโพยตีพายเป็นศิษย์หลวงประดิษฐ์วาทกรรม “ชาตินิยม /- คลั่งชาติ”ให้สังคมไทย สมควรกลับไปส่องกระจกไปตักน้ำใส่กะโหลกสักครั้งว่าที่ผ่านมาพื้นที่ทับซ้อนนี้จากการเจรจาตาม MOU44 (เอ็มโอยู 2544) ที่ลงนามโดย “สุรเกียรติ์ เสถียรไทย”ในฐานะเสนาบดีบัวแก้วในรัฐบาลไทยรักไทยภายใต้การบริหารของ “นักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมืองฉ้อฉลเงินแผ่นดิน /- ทักษิณ ชินวัตร” กับนายซก อัน รัฐมนตรีอาวุโส และประธานการปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชาในรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของจอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และประธานองคมนตรีในปัจจุบัน ผู้เป็นบิดาของสมเด็จมหาบวรธิบดีฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันนั้นไทยได้รับผลประโยชน์อย่างไรเมื่อเทียบกับชาติเพื่อนบ้านที่ผู้นำประเทศเป็นญาติตระกูล“ชินวัตร”
รัฐบาลต้องตอบด้วยว่า ตาม MOU44 กำหนดกรอบในการเจรจาให้ปรับเส้นเขตไหล่ทวีปให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศเฉพาะในส่วนพื้นที่ทับซ้อนส่วนบนเท่านั้น แต่พื้นที่ทับซ้อนส่วนล่างไม่ต้องมีการเจรจาปรับเส้นเขตไหล่ทวีปแต่อย่างใด โดยให้ใช้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม และยังกำหนดให้การดำเนินการสำหรับพื้นที่ทับซ้อนทั้งสองส่วนมีลักษณะที่ไม่แบ่งแยกออกจากกันใช่หรือไม่
รัฐบาลควรให้ข้อเท็จจริงแก่สังคมไทยไม่ใช่ “ตีปลาหน้าไซ” ประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายสังคมไทย !! “ชาตินิยม /- คลั่งชาติ”มาเบี่ยงเบนปิดบังผลประโยชน์ที่ประเทศไทยอาจสูญเสียตามข้อกำหนดใน เอ็มโอยู 2544
ที่สำคัญที่สุดคือ “สหายใหญ่” ต้องไม่ลืมว่า ในนโยบายรัฐบาลสืบสันดานของท่านภายใต้การนำของ “มาดามแพ /- แพทองธาร ชินวัตร”ได้บัญญัติเรื่องราวนี้ ซึ่งตรงกับเสียงสำรอกของใครบางคนที่แสดงตนครอบครอง /-ครอบงำนางลูกสาวมาตลอดได้แสดงวิสัยทัศน์เรื่อง “อนาคตประเทศไทย 2024” เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีประเด็นนี้เสนอแนะอยู่ด้วย
ไม่ใช่กรณีมีนักการเมืองหิวแสงออกมาสร้างกระแสเพื่อล้มล้างรัฐบาลสืบสันดาน ทว่าเป็นธรรมชาติของผู้รักษาผลประโยชน์ให้ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้าที่ต้องต่อต้าน “คนหนักแผ่นดิน” ย่อมต้องเคลื่อนไหว ย่อมแสดงทัศนคติที่เหมือนและแตกต่างกันอย่างตื่นระวังหาใช่ตื่นตระหนกอย่างที่ “สหายใหญ่”วิตกแต่อย่างใดไม่
ทว่าผู้คนเหล่านั้นเพียงตื่นตาเฝ้าระวังจากเสียงหมาที่เห่าหอนอยู่ข้างรั้วบ้าน เกรงจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
“เกาะกูด” จึงไม่ใช่ “ชาตินิยม /- คลั่งชาติ” อย่างตื่นตระหนก แต่สังคมไทยตื่นระวังเสียงหมาหอนต่างหาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี