วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คนทั่วไปมักทราบเรื่องที่สภาฯ โดยรัฐบาลพระยาพหลฯเป็นผู้เสนอให้ตั้งศาลพิเศษ เพื่อพิจารณาในการตัดสินลงโทษผู้ต้องหาคดีกบฏ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชนะจะได้ดำเนินการกับผู้ก่อการกบฏ และเราก็ได้ยิน และได้อ่านเรื่องราวของการลงโทษที่รุนแรงมาก จนอาจทำให้เข้าใจว่า ยามนั้นไม่มีใครที่จะเป็นปากเสียงให้ผู้แพ้หรือฝ่ายกบฏบวรเดช แต่ในความเป็นจริง สภาฯ ที่มีผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของราษฎร ก็ยังมีคนลุกขึ้นถามรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยกล้าให้ความเห็นไปในทางเห็นใจผู้แพ้อยู่พอสมควร การประชุมเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2476 ผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาสซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ชายแดนใต้ คือขุนชำนาญภาษา ผู้ซึ่งมีอาชีพเป็นครู ได้เป็นบุคคลแรกที่ลุกขึ้นถามรัฐบาลในเรื่องนี้ ก่อนเวลาเลิกประชุมเพียงเล็กน้อย
“ตามที่ศาลพิเศษได้ตัดสินลงโทษพวกกบฏไปแล้วนั้น เมื่อไหร่รัฐบาลจะดำเนินการตามคำตัดสินของศาล”
ท่านได้ลุกขึ้นถามเมื่อตอน 6 โมงเย็นจึงถูกประธานฯติง “นี่เป็นกระทู้ถาม เอาไว้เข้าระเบียบวาระก่อน” แต่ขุนชำนาญฯ ก็ยืนยัน “ข้าพเจ้าขอให้ตอบในวันนี้” เอากับท่านผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งซิ จะให้ตอบทันที แต่ประธานฯยืนยันกลับไปว่าไม่ใช่เรื่องด่วน ให้เอาไว้เข้าวาระเสียก่อน และในที่ประชุมนั้นประธานฯ ย่อมมีสิทธิ์เด็ดขาดกว่าใคร
การประชุมครั้งต่อมาในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2476 มีผู้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเสนอให้พิจารณาอีก คนแรกคือพันเอก พระยาวิเศษสิงหนาท ผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายก ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลโดยได้กล่าวถึงเรื่องราวของความไม่สงบจากการกบฏบวรเดชอย่างยืดยาว และจบลงที่ว่า “ขอทราบว่าบรรดานักโทษการเมืองที่ศาลพิเศษได้พิพากษาแล้ว หรือที่ได้พิพากษาต่อไปอีกนั้น รัฐบาลนี้ได้มีนโยบายที่จะหาลู่ทางกราบบังคมทูลพระกรุณาลดหย่อนผ่อนโทษบ้างหรือไม่”นายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่ได้ตอบทันที ท่านขอฟังความเห็นทั่วๆ ไปของสมาชิกสภาฯ ท่านอื่นเสียก่อน
คราวนี้ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ลดหย่อนโทษ คือ ร.ต.สอน วงษ์โต ผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท อดีตผู้ต้องหากบฏ ร.ศ.130 “ข้าพเจ้าเองไม่เห็นด้วยเป็นอันขาด เพราะเห็นว่าพวกกบฏที่ก่อการครั้งนี้ เพื่อจะทำลายล้างชาติและรัฐธรรมนูญ และเป็นผู้ที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองซักอย่างเดียว และอีกประการหนึ่ง ถ้าหากว่าพวกกบฏนี้ได้คิดการสำเร็จแล้วบ้านเมืองและรัฐธรรมนูญอันเป็นที่รักของเรา ที่เราอุตส่าห์สละชีวิตเลือดเนื้อก็จะสาบสูญไปและก็จะเกิดการฆ่าฟันกันเองยิ่งกว่านี้มากมาย”
ผู้ที่ลุกขึ้นมาโต้ร้อยตรีสอน คือนายพลโท พระยาเทพหัสดิน ผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร “ข้าพเจ้าเห็นว่าความผิดในเรื่องการเมืองย่อมเกิดแต่ความหวังดี หากแต่การกระทำนั้นเป็นไปโดยรุนแรงเกินกว่าสมควรก็ต้องมีโทษ… ควรจะให้ความพิจารณาแตกต่างกับนักโทษอาญาธรรมดา…ความชอบแต่หนหลังควรจะได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาลบล้างความผิด ผ่อนผันให้หนักเป็นเบาลงบ้าง… จำเลยทุกคนมีฐานะดี เป็นผู้กว้างขวางในสังคม การที่ทำรุนแรงต่อเขาโดยไม่ลดหย่อนโทษ ไม่นึกถึงคุณความดีที่เขาได้ทำมาแต่หนหลัง แทนที่จะทำให้เกิดความประหวั่นพรั่น กลับเป็นทางที่ไม่สงบ เพราะจะก่อให้เกิดความขุ่นแค้นในหมู่ญาติมิตรของเขา” และท่านอ้างพุทธโอวาทที่ว่าเวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร
แต่บางท่าน อย่างเช่น ร้อยโททองคำ คล้ายโอภาส ผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ควรที่จะดำริในเรื่องนี้ หลวงวรนิติปรีชา ผู้แทนจังหวัดสกลนคร “รัฐบาลไม่ควรจะหาทางขอพระราชทานลดหย่อนผ่อนโทษ…” หรือ ร้อยตรีถัด รัตนพันธ์ อดีตกบฏ ร.ศ.130 ก็อ้าง ทุกขะโต ทุกขะฐานัง แล้วแปลเสร็จว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ที่จริงฝ่ายที่ต้องการให้ลดโทษนั้นมีอยู่น้อยกว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในการลดโทษ แต่การตัดสินใจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี
เรื่องนี้จบลงว่า นายกฯ “ฟังพอแล้วและยังไม่ขอตอบ”
นรนิติ เศรษฐบุตร

‘ดร.เอ้’ยกหลักวิศวกรรม ชงข้อเสนอเร่งด่วน‘เจาะเปิดคันถนน’ช่วยระบายน้ำท่วมหาดใหญ่
'สส.โกแพ'เผยทีมเจ็ตสกีช่วยอพยพ ถูกตะโกนด่า–ปาของใส่เกือบโดนหัว
‘สุชาติ’ระดม 15 ทีมกู้ภัยทางน้ำ-เรือ 25 ลำ ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ตลอด 24 ชั่วโมง
‘รพ.หาดใหญ่’ชี้แจงจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้ และช่วงน้ำท่วม เก็บรักษา 41 ศพ วอนงดแชร์ข่าวเท็จ
คลิปบีบหัวใจ! วินาทีญาติแจ้ง'น้ำขึ้นสูง คุณยายเกาะไม่ไหว...' กู้ภัยเสียงสั่น พ้อ'เจ็บใจที่มาช้า'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี