เริ่มมีการพูดถึงการยุบสภามากขึ้น และมากขึ้นเป็นลำดับ หลังจากการประชุมร่วมสองสภาเพื่อหาหนทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประสบปัญหาจนสภาล่มเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ในขณะที่การประชุมร่วมสองสภาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็ยังประสบปัญหาเดิมเหมือน 13 กุมภาพันธ์ คือสภาล่ม นับว่าเป็นการล่มสองวันติดต่อกัน
ถามว่าทำไมสภาจึงล่ม ตอบสั้นๆ เพราะจำนวนสมาชิกของสภาทั้งสอง คือ สส. และ สว.ไม่ครบองค์ประชุม ถามต่อไปว่าทำไมองค์ประชุมไม่ครบ ตอบว่า เพราะสมาชิกไม่เข้าประชุม แต่หากจะถามว่าทำไมจึงไม่เข้าประชุม ตอบว่าก็เพราะไม่ต้องการเข้าประชุม แต่หากถามว่าใครบงการ หรือสั่งการให้สภาล่มหรือไม่ ตอบว่าไม่ทราบ แต่ก็น่าจะมีคนบงการ
ถามว่าทำไม สส. และ สว. บางคนบางพรรค จึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2560 ตอบว่า ก็เพราะเขาเหล่านั้นไม่เห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหากับตัวของเขา และต่อบ้านเมือง ส่วน สส. และ สว. ที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เป็นสิทธิของเขา เพราะเมื่อเขาหาเสียงไว้ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วเขาเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นผลดีกับตัวของเขา เขาก็มีสิทธิจะขอแก้ไข แต่การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมันมีขั้นตอน มีกระบวนการ หากไม่สามารถดำเนินไปตามขั้นตอนและกระบวนการได้แล้ว ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วนการที่ สส. และ สว. ฝั่งที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอ้างว่า สาเหตุที่สภาล่ม เพราะเกิดมาจากเกมการเมือง ก็ต้องถามว่า แล้วการเมืองไทยในยุคใดบ้างที่ไม่มีการเล่นเกมการเมือง
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็แล้วแต่ว่า สส. และ สว.ฝั่งไหน ซีกไหนจะหาคำมากล่าวอ้างเพื่อแก้ตัว แต่เมื่อสภาล่มแบบนี้แล้ว ทำให้เกิดคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบันจะยังสามารถอยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสมได้ต่อไปหรือไม่ ตอบว่า ได้อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 แต่อาจจะได้รับผลดีจากรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป แต่พรรคการเมืองที่ต้องการให้ยุบสภาก็คือพรรคฝ่ายค้าน เพราะเขาเชื่อเอาเองว่า หากยุบสภาเร็วมากที่สุดเท่าไร เขาอาจจะได้เป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่งแล้วจะได้เป็นรัฐบาลกับเขาบ้าง ก็เท่านั้นเอง สรุปคือพรรคฝ่ายค้านอยากให้เลือกตั้ง สส. ใหม่ เพราะคิดว่าจะมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลบ้าง
ไม่มีพรรครัฐบาลหน้าไหนไม่ต้องการอยู่ในซีกรัฐบาลไปจนครบอายุ หากเขาทนอยู่ได้ เขาก็ทนทั้งนั้นแหละ เพราะการเป็นรัฐบาลมันคือการมีโอกาสได้รับผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะผลประโยชน์อันเกิดจากเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลหลายล้านล้านบาท
ขณะนี้อยู่ในช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อีกประมาณ 7 เดือน ก็จะหมดปีงบประมาณแล้ว นั่นหมายความว่าพรรครัฐบาลก็ต้องมองไปยังงบประมาณแผ่นดินของปีต่อๆ ไป ส่วนฝ่ายค้านก็ได้แต่มองเท่านั้น แต่ขณะที่มองไปก็คงต้องการให้ตัวเองเข้าไปมีส่วนแบ่งในงบประมาณแผ่นดินด้วย แต่ก็ได้แค่หวังเท่านั้น เพราะเป็นฝ่ายค้านจึงไม่มีอำนาจเข้าไปจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ฝ่ายค้านจะทำได้ก็คือเรียกร้องให้ยุบสภาให้เร็วที่สุด เพราะมันเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ฝ่ายของตนเองอาจจะได้แปรสภาพไปเป็นรัฐบาลได้บ้าง แต่ก็ต้องขอย้ำเหมือนเดิมว่า เป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง สู้เป็นรัฐบาลไม่ได้ เพราะอิ่มหมีพีมัน สมบูรณ์พูนสุข ยิ่งเมื่อได้คุมกระทรวงที่มีเงินงบประมาณมหาศาลก็ยิ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากหนักเข้าไปอีก
คนที่เป็นฝ่ายค้านก็ฝันอยากเป็นรัฐบาล ส่วนคนเป็นรัฐบาลไม่มีวันอยากเป็นฝ่ายค้าน เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าการได้เป็นรัฐบาลมันคือความสุขที่สุดแสนวิเศษ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้เพราะไม่ใช่ประเด็นที่รัฐบาลจะต้องใส่ใจ เพราะต่อให้ไทยมีรัฐธรรมนูญเลวทรามหรือวิเศษสักเพียงใดก็เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ แต่หาได้ทำให้นักการเมืองไทยดีขึ้น พัฒนามากขึ้น และลดความละโมบลงได้ จำไว้ เป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง เป็นรัฐบาลมันอิ่มหมีพีมันแสนสมบูรณ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี