วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
เมื่อ “พระภรรตฤราช” ได้ครองกรุงอุชชยินีแทนพระเชษฐา โดยปฏิบัติหน้าที่พระราชาได้อย่างสุดเยี่ยม แล้ววันหนึ่งกามเทพก็ได้แผลงศร ทำให้พระองค์ได้ “ตกล่องปล่องชิ้น” กับ “พระชายาหน้าสวยดั่งจันทร์เพ็ญ” นางหนึ่ง ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักพระชายาคนนี้อย่างงมงาย
แต่ “พระชายาหน้าสวยดั่งจันทร์เพ็ญ” นั้น หาได้ภักดีต่อพระสวามีไม่ โดยได้คบชู้กับอำมาตย์หนุ่มคนหนึ่งชื่อ “มหิบาล”
ใกล้พระราชวังกรุงอุชชยินี มีพราหมณ์เฒ่าคนหนึ่งอยู่กับภรรยาตามลำพัง โดยทั้งคู่เป็นผู้ยากจนแสนเข็ญ วันๆ ได้แต่ทำตบะ อดข้าวและทรมานร่างกายตนเอง เช่น “ฤดูหนาวเหน็บก็ลงแช่น้ำที่เย็นยะเยือก ฤดูร้อนก็นั่งผิงไฟ” จนทำให้เทวทูตจากเบื้องบนเห็นใจ จึงได้เหาะลงมาจากสวรรค์ แล้วมอบผลไม้หนึ่งผลให้พราหมณ์เฒ่าแล้วบอกว่า “นี่คือผลอำมฤตกินแล้วจะมีชีวิตอยู่อย่างอมตะ” กล่าวจบเทวทูตก็หายตัวจากไป
พราหมณ์เฒ่าปรึกษากับนางพราหมณีผู้เป็นภรรยาว่า “เรามีชีวิตยากจนข้นแค้นเช่นนี้ ชีวิตอยู่อมตะต่อไปก็มีแต่ทุกข์ทรมาน สู้นำผลอำมฤตไปถวายพระราชายังจะดีกว่า เพราะจะได้รางวัลมาปลดทุกข์ความยากจน”
ดังนั้น พราหมณ์เฒ่าจึงนำ “ผลอำมฤต” ไปเฝ้าพระราชา แล้วทูลถึงที่มาของผลไม้
ดังกล่าว พระราชาฟังแล้วจึงทรงยินดีรับผลอำมฤตจากพราหมณ์เฒ่า แล้วมอบทองคำจำนวนมากให้เป็นรางวัล
เมื่อพราหมณ์จากไป พระราชาจึงเสด็จไปพบพระชายาคนสวย แล้วมอบผลอำมฤตให้แก่นาง พร้อมกับตรัสว่า “กินแล้วเจ้าจะเป็นสาวสวยให้ข้าได้ชื่นชมอย่างยาวนาน”
“พระชายาคนงาม” หลังจากรับผลอำมฤตแล้ว รีบนำไปให้ “อำมาตย์มหิบาล” ชู้รักทันที
“ฝ่ายอำมาตย์มหิบาล” หลังรับ “ผลอำมฤต” จากพระชายาแล้วก็รีบนำไปให้“นางสนมสุดสวย” คนหนึ่ง ที่อำมาตย์มหิบาลรักอย่างหลงใหล
“นางสนมคนสวย” สุดดีใจ แล้ว “เกิดฟ้าแลบในสมอง” หากตนนำ“ผลอำมฤต” ไปถวายพระราชา ตนจะต้องได้ความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ อาจเลื่อนฐานะเป็น “พระชายาคนใหม่” ตามที่ตนใฝ่ฝัน
ทันทีที่พระราชาได้รับ “ผลอำมฤต” จากพระสนม พิจารณาแล้วก็แน่ใจว่า เป็น “ผลอำมฤต” ที่ตนได้มอบให้แก่ “พระชายาคนงาม”
เวลาผ่านไปแค่ 5 นาที พระราชาก็เสด็จถึงตำหนักพระชายาคนงามแล้วถามว่า
“นางได้เสวยผลอำมฤตที่พระองค์มอบให้แล้วหรือยัง?” พระชายาตกใจ จึงทูลถามว่า“พระองค์เห็นข้าพเจ้าสวยน้อยลงกระนั้นหรือ?”
“พระราชาไม่ตอบ แต่หยิบผลอำมฤตออกมาชูให้พระชายาดู เล่นเอาพระชายาตัวสั่นตกใจจ้านจนอ้าปากค้าง ส่วนพระราชาเรียกทหารให้นำตัวพระชายาไปประหารชีวิต”
แล้ววันรุ่งขึ้น หลังจากพระราชาเสวยผลอำมฤตแล้ว ก็เสด็จออกจากวังทิ้งราชสมบัติอย่างไม่ไยดี โดยไปเป็นโยคี ปลีกวิเวกบำเพ็ญตบะอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย
จนถึงวันนี้ เวลาผ่านไปกว่า 2,000 ปี ยังไม่มีใครได้พบเห็นพระราชา“พระภรรตฤราช” อีกเลย นอกจากมีแต่ข่าวเล่าลือจากชาวบ้านและนักปีนเขาทั้งหลาย ว่าได้พบพระราชาเป็นโยคีตามยอดเขาต่างๆ โดยพระราชายังเป็นผู้ไม่รู้จักแก่และไม่รู้จักตาย แม้เวลาจะผ่านไป 2,000 กว่าปี
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม

'ป้ารุจี'นักปั้นตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ บุคคลในภาพที่เคยเฝ้ารับเสด็จ'สมเด็จพระพันปีหลวง'
เข้าใจยากตรงไหน? 'โดม'โพสต์สั้นๆง่ายๆ หลังคนงงเรื่องการจัดงานรื่นเริง
‘เอ้ สุชัชวีร์’ศิษย์พระจอมเกล้าลาดกระบัง ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’
ไม่ยกเลิกจัดที่ไทย! Miss Universe 2025 พร้อมปรับรูปแบบให้เหมาะสม
จังหวัด-อำเภอทั่วไทยร่วมประกอบพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์'สมเด็จพระพันปีหลวง'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี