“ทักษิณ ชินวัตร”ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เป็นคำถามของคนไทยในเวลานี้ ซึ่งการปรากฏตัวของทักษิณครั้งสุดท้ายก่อนจะหายเงียบไป ก็คือ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมสัปดาห์ที่แล้ว ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อไปยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตเดินทางไปการ์ตา แต่ศาลไม่อนุญาต
วันนั้นเป็นวันเดียวกับที่ ในช่วงบ่ายแพทยสภาได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องจริยธรรมแพทย์กรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”ของ“ทักษิณ ชินวัตร” และแพทยสภาได้มีมติชี้ออกมาว่า แพทย์ 3 คนมีความผิด ทำเวชระเบียนเป็นเท็จ ซึ่งหลักใหญ่ใจความก็คือ “ทักษิณ”ไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง
และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา “ทักษิณ ชินวัตร”ก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย มีแต่ข่าวว่า โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายสมนึก ธนเดชากุล ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนนทบุรี เมื่อค่ำวันที่ 11 พฤษภาคมภายหลังทราบผลการเลือกตั้ง
ย้อนกลับไปดูในปี 2551 “ทักษิณ ชินวัตร”เป็นจำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกร่วมกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่เวลานั้นยังไม่ได้หย่ากับทักษิณและยังใช้นามสกุลชินวัตร โดยทักษิณและคุณหญิงพจมาน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ได้ทำหนังสือขออนุญาตศาลฎีกาฯเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น
คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ในฐานะจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าว ให้เหตุผลต่อศาลฎีกาฯว่า เพื่อขออนุญาตเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงานกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน ระหว่างในวันที่ 5-10 สิงหาคม 2551 ขณะที่“ทักษิณ ชินวัตร”อ้างต่อศาลฎีกาฯว่า จะไปร่วมพิธีเปิดงานกีฬาโอลิมปิกเช่นกัน และจากนั้นจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อที่ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุวันเดินทางระหว่างวันที่ 31-10 สิงหาคม 2551 ซึ่งศาลฎีกาฯท่านก็อนุญาตตามที่ทักษิณและคุณหญิงพจมานร้องขอ
ปรากฏว่า เมื่อถึงวันนัดให้ไปรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 บุคคลทั้งสอง ทั้ง“ทักษิณ ชินวัตร”จำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จำเลยที่ 2 ไม่มารายงานตัวต่อศาล แต่ไปปรากฏตัวที่กลางกรุงลอนดอน ในอังกฤษ โดยเดินเล่นอยู่บนนถนนพร้อมทั้งลูกชายและลูกสาว คือ พานทองแท้, พิณทองทา และแพทองธาร ชินวัตร
เมื่อจำเลยไม่มารายงานตัว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงออกหมายจับ“ทักษิณ ชินวัตร” และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พร้อมตั้งสินบนนำจับทันที
ต่อมาในวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ตัดสินจำคุก“ทักษิณ ชินวัตร” 2 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รอดคุก-ศาลยกฟ้อง และหลังจากศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาตัดสิน คุณหญิงพจมานก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย และหย่าขาดกับทักษิณในทางนิตินัย เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินเกี่ยวพันกัน ส่วนทักษิณหลบหนีคำตัดสินเป็นสัมภเวสีอยู่ต่างประเทศจนโทษสิ้นสุดอายุความ 10 ปี ในวันที่ 21 ตุลาคม 2561
อย่างไรก็ดี หลังจากที่“ทักษิณ ชินวัตร”หลบหนีโทษ 2 ปี จากคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกจนหมดอายุความแล้วก็ตาม แต่ทักษิณก็ยังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาสั่งจำคุกตามมาอีก 3 คดี คือ คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้เมียนมา-โทษ 3 ปี, คดีหวยบนดิน-โทษ 2 ปี, และคดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ป-โทษ 5 ปี โดยโทษจากคดีเอ็กซิมแบงก์กับคดีหวยบนดินนั้น ศาลฎีกาฯนับโทษซ้อนกัน ประโยชน์จึงตกแก่จำเลย ทำให้โทษจากทั้งหมด 3 คดี 10 ปีลดลงมาเหลือ 8ปี ซึ่งเมื่อทักษิณยอมกลับมาติดคุกในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 หลังจากหนีไป 15 ปีกว่า ก็ยังได้รับพระราชทานอภัยลดโทษให้อีก 7 ปี ทำให้เหลือโทษจำเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น
ถึงขนาดนี้แล้ว “ทักษิณ ชินวัตร”นักโทษคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองก็ยังไม่สำนึก กลับสร้างเวรสร้างกรรมกรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14” ส่งผลให้คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องต้องรับเคราะห์กรรมไปด้วย อย่างน้อยในเวลานี้ก็มีแพทย์ 3 คนที่เหมือนตายทั้งเป็น จากมติของแพทยสภา และยังจะต้องติดคุกติดตะรางอีกนับสิบคนในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งข้าราชการกรมราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ
การที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้“ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งมีบ่วงมัดคอ ทั้งคดี“ป่วยทิพย์-ชั้น14”ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนในวันที่ 13มิถุนายนเดือนหน้า และคดีมาตรา 112 กับคดีความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา เดินทางออกนอกประเทศไปกาตาร์นั้น คนไทยส่วนใหญ่คิดว่า ศาลท่านอาจจะรู้แกวว่า หากอนุญาตให้ไป ทักษิณอาจจะหลบหนีเหมือนเมื่อครั้งอดีตก็เป็นไปได้
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยคือ“ทักษิณ ชินวัตร”ได้รับเพียงแค่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญ“พระราชวังลูเซล” ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศกาตาร์ โดยจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของ“อันวาร์ อิบราฮิม”นายกรัฐนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียน
นอกเหนือจากนั้น ศาลอาญายังพิจารณาเห็นว่า การอ้างว่าจะไปพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้น ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่า หากทรัมป์มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับทรัมป์ และทีมเศรษฐกิจของทรัมป์เท่านั้น ประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปการ์ตา ยังใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาฯ อีกทั้ง“ทักษิณ ชินวัตร”ยังเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 และคดีความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อันอาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้
ไล่เรียงดูแล้ว นับจาก“ทักษิณ ชินวัตร”ถูกศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา ทักษิณได้ขออนุญาตศาลมาแล้ว 5 ครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ โดยครั้งแรกจะขอไปรักษาตัวที่ดูไบ ศาลไม่อนุญาต, ครั้งที่สองไปมาเลเซีย ศาลอนุญาต, ครั้งที่สามขออนุญาตไปบรูไน เวียดนาม และกัมพูชา ศาลอนุญาตให้ไปเฉพาะบรูไนเท่านั้น, ครั้งที่สี่อ้างว่าขอไปประชุมอาเซียนที่อินโดนีเซีย ศาลไม่อนุญาต และครั้งนี้ครั้งที่ห้าขอไปการ์ตา ศาลก็ไม่อนุญาต
ครั้งต่อไป มีสองทางเลือกสำหรับ“ทักษิณ ชินวัตร” ถ้าไม่ยอมเข้าคุก ก็ต้องเผ่นหนีทางช่องสุนัขลอดด้านชายแดนไทย-เขมร !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี