คนทำมาหากินทุกคน ต่างรู้ดีว่าสภาพเศรษฐกิจไทยยุคนี้ อยู่ในสภาพตกต่ำย่ำแย่ อย่างมากมาย แย่เสียจนคนส่วนใหญ่ต่างบอกตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยตกอยู่ในสภาวะวิกฤต โดยบางคนบอกว่าอยู่ในสภาพเผาจริง เพราะการค้าการขายฝืดเคือง คนซื้อก็บ่นว่าข้าวยากหมากแพง คนขายของก็บอกว่าขายไม่ได้ มีแต่คนขาย โดยหาคนซื้อได้น้อยมาก
ยิ่งบ้านเมืองตกอยู่ใต้สภาวะทำมาหากินได้ลำบากยากแค้น ก็จะยิ่งพบว่ามีมิจฉาชีพเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะมิจฉาชีพจับจุดได้ว่า ผู้คนต่างต้องเร่งหาเงินให้มากที่สุด แล้วที่สำคัญคือมิจฉาชีพรู้ด้วยว่าในสังคมยังมีคนที่มีเงินอยู่ โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคนเฒ่าคนแก่ที่ยังมีเงินเก็บ แต่คนกลุ่มนี้ก็มีข้อจำกัดในเรื่องการเงิน และเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะฉะนั้น จึงเป็นกลุ่มที่ถูกหลอกลวงได้ง่ายที่สุด แล้วการหลอกที่ง่ายที่สุดก็คือการหลอกลวงผ่านระบบออนไลน์ โดยมีทั้งหลอกให้ลงทุน หลอกให้เล่นหุ้น หลอกให้ทำบุญ หลอกให้ลงทุนในทองคำ เพชร รวมถึงหลอกให้หลงรัก และหลอกให้เล่นการพนัน
เราได้เห็นเรื่องเน่าเฟะของอดีตพระผู้ใหญ่รายหนึ่ง ณ วัดไร่ขิง นครปฐม ซึ่งน่าจะทำให้สังคมได้ข้อคิดพร้อมๆ กันว่า แม้กระทั่งพระสงฆ์ที่บวชมาจนแก่ ก็ยังตกเป็นเหยื่อการพนันออนไลน์ แล้วก็น่าจะตกเป็นเหยื่อการเสพเมถุนด้วย แต่ขอบอกว่าเรื่องที่เกิดกับพระวัดไร่ขิงครั้งนี้ เป็นเพียงปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เพราะหากเจาะลึกแล้วค้นหาในวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย ก็ขอรับรองว่าต้องเจอปัญหาทำนองนี้อีก ดีไม่ดีจะเลวร้ายสามานย์ยิ่งกว่าที่เจอแล้วก็ได้
ทุกวันนี้ ยังมีปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดกับกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อหรือทาสของ social media ประเภทลวงโลก นั่นคือโฆษณาชวนเชื่อให้สมัครเข้ารับการอบรมเล่นหุ้น ซื้อขายทองคำ รวมถึงการอ้างว่ามีทัวร์ต่างประเทศในราคาถูกมากๆ แต่ก็ต้องบอกว่าเรื่องลวงโลกพรรค์นี้ ถ้าหากผู้รับสารไม่ใช่คนโง่เขลาชนิดไร้สติสิ้นปัญญา ก็จะไม่มีวันตกเป็นเหยื่อเป็นอันขาด เพราะแค่ใช้ส่วนปลายติ่งของสมองใคร่ครวญ ก็ย่อมต้องรู้ได้แล้วว่ามันคือการลวงโลก เพราะไม่มีทางที่ใครหน้าไหนจะเสียเวลาสอนเล่นหุ้นให้ฟรี หรือบางรายก็อ้างว่ามีหุ้นดีที่ทำกำไรงามมาเสนอให้ รวมถึงเรื่องที่สุดแสนตลกคือ การโฆษณาชวนเชื่อ โดยอ้างชื่อร้านขายสลัดผักแห่งหนึ่งที่พยายามขยายสาขาไปทั่วประเทศ แต่ธุรกิจก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
คำโฆษณาชวนเชื่อของมิจฉาชีพที่อ้างชื่อร้านขายสลัดผักคือลงทุนเพียง 1 พันบาท โดยลงทุนแบบรายวัน (day trade) แล้วได้กำไร 12-30 เปอร์เซ็นต์ต่อรอบการซื้อขายหุ้น แล้วยังอ้างอีกว่ารอบการซื้อขายหุ้นอยู่ที่รอบละ 10-15 นาที แล้วที่สำคัญคืออ้างว่าหลังการซื้อขายแต่ละรอบแล้ว สามารถเบิกถอนเงินลงทุนและกำไรออกได้โดยทันที
แล้วก็โฆษณาชวนเชื่อด้วยว่ามีการลงทุนระยะยาว หรือ trading session โดยลงทุนด้วยเงิน1 หมื่นบาทขึ้นไป แล้วจะได้เงินปันผล 3-15 เปอร์เซ็นต์ ทุกๆ สัปดาห์ แต่ก็ขึ้นกับความผันผวนของตลาดหุ้นด้วย การลงทุนแบบนี้ต้องใช้เวลาประมาณ3 เดือน หรือ 1 ไตรมาส แต่ที่สุดของที่สุดแห่งการโฆษณาชวนเชื่อคือ อ้างว่ารับประกันเงินลงทุน 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ขาดทุนก็จะคืนเงินทุนให้
ขอบอกว่าการโฆษณาชวนเชื่อแบบนี้คือการโกหกอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยมีการลงทุนใดๆ ในตลาดหุ้นที่รับรอง และรับประกันเงินลงทุน เนื่องจากการลงทุนคือการเสี่ยง ดังนั้น หากใครก็ตามที่ไม่ไร้สติ ไร้ปัญญาก็ต้องรู้แล้วว่านี่มันคือการโกหก
ถามว่าทำไมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงปล่อยให้มีการโฆษณาหลอกลวงเช่นนี้ ก็ตอบว่าทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. อาจจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น และไม่มีใครแจ้งความว่าได้รับความเสียหายในเรื่องนี้ ส่วนถามว่าแล้วทำไมบริษัทขายผักสลัดที่ถูกอ้างชื่อจึงยังปล่อยเรื่องนี้ไว้ ก็อาจจะตอบว่า บริษัทขายผักสลัดไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ และบริษัทก็อาจจะอ้างว่าไม่รู้เรื่องว่าถูกนำชื่อบริษัทไปแอบอ้าง แม้จะมีการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อแบบนี้ใน social media ต่างๆ ตลอดเวลาก็ตาม
ฉะนั้น ผู้ที่ไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ก็จำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้ตีไพ่โง่จนตกเป็นเหยื่อ แล้วที่สำคัญต้องไม่โลภ ต้องตั้งสติก่อนว่าในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ จะมีการลงทุนใดหรือที่สามารถให้ผลตอบแทนได้งดงามมากกว่า10 เปอร์เซ็นต์ภายในวันเดียว ขอย้ำว่าหากไม่โง่ไม่โลภ ก็ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี