“จริงๆ แล้วเราได้มีการเตรียมการทุกสถานการณ์ และเมื่อผ่านความเห็นชอบจาก สมช. แล้ว ถึงจะดำเนินการอย่างเป็นทางการ แต่เรื่องนี้ย้ำว่ายังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสมช. เป็นเพียงมาตรการที่เตรียมไว้เท่านั้น จึงไม่แน่ใจว่าข้อมูลหลุดไปอย่างไร จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด”นี่เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีขึ้นภายหลังจาก ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ชิงเปิดเกมประกาศ 6 มาตรการเตรียมตอบโต้หากไทยยังปิดด่าน คือ 1.ยุติการนำเข้าสินค้าจากไทย 2.หาตลาดใหม่ให้สินค้าเกษตรกัมพูชา 3.ส่งผู้ป่วยในไทยไปรักษาที่อื่น 4.เรียกตัวแรงงานกลับ 5.สั่งกองกำลังติดอาวุธเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง และ 6.วางแผนอพยพประชาชนจากชายแดน สะสมอาหาร และยา
อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า “จึงไม่แน่ใจว่าข้อมูลหลุดไปอย่างไร” ถูกซุกซ่อนอยู่ในบทสัมภาษณ์วันนั้น แต่ถูกมองข้ามไป เนื่องจากส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่การวิพากษ์วิจารณ์มุมมองอ่อนหัดของนายกรัฐมนตรี เสียมากกว่าที่ยังเห็นว่า การตอบโต้อย่างแข็งกร้าวของฮุนเซน รอบนี้เป็นแค่เรื่องของการเข้าใจผิด และยังได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปเคลียร์เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
ทั้งที่จริงๆ แล้ว เรื่องข้อมูลหลุดที่นายกฯ กล่าวถึงนั้น หากมองอย่างลุ่มลึกแล้ว เป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่งในแง่ยุทธศาสตร์เพราะอาจถูกตีความได้หลายมุมว่า ข้อมูลที่หลุดออกมานั้นเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์แค่ในบ้านเรา หรือข้อมูลทั้งดุ้นหลุดไปถึงมือผู้นำเขมร หากเป็นอย่างหลังก็เป็นเรื่องใหญ่มาก เท่ากับว่าเรามีหนอนบ่อนไส้ คอยเป็นไส้ศึกรายงานความเคลื่อนไหวของไทย ส่งไปให้ฝ่ายกัมพูชาใช่หรือไม่
เพราะอย่าลืมว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะเดือดที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ได้เกิดข้อสงสัยดังขึ้นเรื่อยๆ จากนักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ว่า ทำไมผู้นำฝ่ายกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นฮุนเซน หรือ ฮุน มาเนต ถึงได้ช่วงชิงจังหวะการเคลื่อนไหวนำหน้ารัฐบาลไทยไปอย่างน้อยๆ หนึ่งก้าวเสมอ
ไม่ว่าเป็นการออกถ้อยแถลงผ่านทางสื่อออนไลน์ หรือจังหวะการเปิดเกมใช้มาตรการต่างๆ แม้กระทั่ง 6 มาตรการที่เตรียมพร้อมเอาไว้ตอบโต้ไทย หรือในกรณีล่าสุดคือ ชิงเดินหน้า
ปิดด่านบ้านแหลม เพื่อหวังกดดันรัฐบาลไทยนั้น ต่างๆ เหล่านี้ ฝ่ายกัมพูชาก็ตัดสินใจทำอย่างมั่นใจโดยไม่ลังเล เปิดแนวรุกกดใส่ไทยทุกด้าน เหมือนรู้ทุกเรื่องก่อนเสมอว่าเรากำลังจะทำอะไร
ด้วยประเด็นข้อสงสัยที่ผุดขึ้นมา เมื่อถูกตอกย้ำด้วยคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ว่า จึงไม่แน่ใจว่าข้อมูลหลุดไปอย่างไร ยิ่งทำให้เพิ่มน้ำหนักความหวาดระแวงที่ว่า เราอาจจะมีไส้ศึก หรือมีหนอนบ่อนไส้ฝังตัวอยู่ในวงจรการแก้ไขสถานการณ์ชายแดน คอยขายชาติคาบข้อมูลความลับของฝ่ายไทยส่งไปให้กัมพูชา เพราะในกลศึกนั้น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะ
ร้อยครั้ง ยังใช้ได้อยู่เสมอ
ในสถานการณ์เปราะบางเกี่ยวพันกับเรื่องอธิปไตย และความปลอดภัยของคนในชาติ การมีไส้ศึกเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายมากๆ ฉะนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ข้อมูลหลุดไปได้อย่างไร และหลุดไปแบบไหน เพื่อหาทางป้องกันโดยเร็วที่สุด เนื่องเพราะหากข้อวิตกสงสัยเป็นเรื่องจริงแล้ว นี่คือภัยมหันต์ต่อความมั่นคงของชาติเลยทีเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี