นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะของทหารไทย-กัมพูชาที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนมาถึงการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งกินเวลานานกว่า 2 เดือนกับปัญหาข้อพิพาทชายแดน น่าสนใจว่าทำไมความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่มีต่อรัฐบาลกลับไม่เคยดีขึ้นเลยแม้แต่วันเดียว มิหนำซ้ำยังแย่ลงไปเรื่อยๆ
ที่ไม่น่าเชื่อก็คือว่า ในยามศึกสงครามแท้ๆ คนไทยกลับแสดงความรู้สึกผ่านการตั้งคำถามอย่างไม่เกรงใจว่า ทหารมีไว้รักษาอธิปไตย แต่รัฐบาลมีไว้ทำไม หรือแม้กระทั่งมีผลเจรจาหยุดยิงเกิดขึ้นแล้ว ก็ยังพูดกันต่อไปว่า ตอนนี้ไม่สงสัยแล้วว่าทหารมีไว้ทำไม แต่สงสัยรัฐบาลมีไว้ทำไม จนเกิดกระแสที่ว่า ประเทศอื่น รัฐบาลปลุกให้คนรักชาติ แต่ประเทศนี้ คนไทยต้องปลุกให้รัฐบาลรักชาติ
แม้แต่ในวันที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แบกความเป็นความตายของสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรไปเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซีย แทนที่กลับมาแล้วจะได้รับเสียงชื่นชม แต่เกิดคำถามอื้ออึงถึงเงื่อนไขความได้เปรียบเสียเปรียบ นี่ยังไม่รวมกับถึงความรู้สึกไม่น่าไว้ใจตั้งแต่ก่อนไปจนกระทั่งกลับมา
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ระดับความไว้วางใจในรัฐบาลดำดิ่งลงได้ถึงเพียงนี้ คำตอบตรงที่สุดคือ วิกฤตศรัทธาในตัวผู้นำ ครอบครัวผู้นำ-พรรคพวกในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้นำฝ่ายกัมพูชา ซึ่งดูเหมือนจะแตกหักกันไปแล้ว แต่คนไทยยังรู้สึกสงสัยว่า มันเหมือนยังมีความลับหรือเงื่อนงำอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ ทำให้การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ทันเกม หรือจงใจให้เป็นแบบนั้น
ขณะเดียวกัน ในแง่ขีดความสามารถของการรับมือฝ่ายกัมพูชา ทั้งเกมการเมืองระหว่างประเทศ และระดับเวทีสากลนั้น ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทยสู้ไม่ได้เลย ตกอยู่ในสภาพเป็นเบี้ยล่าง วิ่งเกมของผู้นำกัมพูชามาโดยตลอด ศักดิ์ศรีของชาติถูกหยามหมิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนไทยรู้สึกบอบช้ำอย่างรุนแรงในสายตาชาวโลก โดยที่รัฐบาลเองก็ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นมากพอที่จะช่วงชิงมาเป็นฝ่ายเกาะกุมความได้เปรียบตรงจุดนี้
แม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์สู้รบติดพันหรือหลังการเจรจาหยุดยิงแล้ว ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังขี้โกงโจมตีทหารไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้เฟคนิวส์กล่าวหาสารพัด แต่รัฐบาลก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเช่นเดิมเรื่องความอ่อนด้อย ขาดการสื่อสารกับประชาชน และประชาคมโลกแบบทันท่วงที จนภาคประชาชนต้องเป็นฝ่ายออกมาขอแรงกันเองผ่านโซเชียลตอบโต้ทำสงครามข้อมูลข่าวสารของฝ่ายกัมพูชาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
คำกล่าวที่ว่า ปลุกผีขึ้นจากหลุมยังง่ายกว่าปลุกรัฐบาลให้ตื่นขึ้นมานั้น ไม่ได้รุนแรงเกินจริงเมื่อเทียบกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะมาจากฝ่ายกองทัพแบกรับไว้หมด ทั้งด้านการสื่อสาร และการปกป้องชีวิตคนไทย เพราะฉะนั้นในความรู้สึกของประชาชนคือ ปัญหาที่เป็นภาระหนักใจของคนไทยตอนนี้คือรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของการสู้รบและการรักษาอธิปไตย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี