วิญญูชนโดยทั่วไปนั้น คงตอบได้ไม่ยากว่าในสถานการณ์ ที่ประเทศเรากำลังมีประเด็นข้อพิพาทชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องนั้น ผู้นำประเทศควรจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรก่อน ระหว่าง เรื่องข้อพิพาทชายแดน กับเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี
แต่เราคงไม่สามารถเอามาตรฐานของวิญญูชน มาใช้กับรัฐบาลที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย เพราะในขณะที่คู่กรณีของเรา คือผู้นำกัมพูชา ใช้สงครามข่าวสารโจมตี บิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาคมโลก ยั่วยุทุกวัน ทั้งเช้าสายบ่ายค่ำ แต่การตอบโต้รับมือของเรา กลับไม่ทันการณ์ในหลายๆ กรณี ตกเป็นฝ่ายตั้งรับตลอด
กลายเป็นว่า วาระสำคัญ ในยามนี้ของแกนนำรัฐบาล คือการ “ทวงเก้าอี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คืนมาจากพรรคภูมิใจไทยไม่ว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้งหลาย จะออกมายกเหตุผลสารพัดเพื่อรองรับความชอบธรรม ว่าต้องเอาเก้าอี้มหาดไทยคืนมา เช่น เรื่องการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่มากขึ้น จึงต้องการเอามากำกับดูแลเองเพื่อแก้ปัญหานี้ได้อย่างเต็มที่ แท้จริงก็คือ ข้ออ้าง ที่ไม่มีเหตุผล ข้อมูลใดๆ มารองรับ เพราะถ้าใช้ตรรกะเดียวกันนี้ พรรคเพื่อไทยก็ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกระทรวงการคลัง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมาได้
ซึ่งไม่ว่าจะอ้างความชอบธรรมใดๆ ในการยึดเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกลับคืนมา แต่สิ่งสำคัญที่สุด ที่แกนนำและสส.พรรคเพื่อไทยยังไม่รู้ตัว คือ ความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาลของพรรคนี้ลดน้อยลงจนแทบจะไม่มีเหลือแล้ว
เรื่องเศรษฐกิจ ที่คุยโม้ว่าเป็นงานถนัดขายฝันสารพัดช่วงหาเสียง พอมาทำจริงๆ ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนชาวบ้านร้านตลาด เอ่ยปากว่าเศรษฐกิจยุคนี้แย่ลง ค้าขายฝืดเคือง
ที่สำคัญและหนักที่สุด คือเรื่องความมั่นคง ก็สอบตกแบบไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ศักดิ์ศรีของประเทศ บูรณภาพของดินแดนถูกท้าทายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงท่วงทำนองของฝ่ายการเมือง ที่ถูกมองว่ามีสายสัมพันธ์ เชิงผลประโยชน์กับผู้นำประเทศคู่กรณี และส่งผลต่อการกำหนดมาตรการต่างๆ ดูจะติดขัดไปหมด นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อผู้นำประเทศ
แต่แทนที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศจะทำในสิ่งที่เรียกความเชื่อมั่นของประชาชนให้เกิดขึ้น ในยามบ้านเมือง มีปัญหาเช่นนี้ การแสดงพลังเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างประชาชน รัฐบาล กองทัพ เป็นเรื่องจำเป็น แต่กลับละเลย และหันไปทำในเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรค ของตัวเอง ที่อธิบายไม่ได้เลยว่าประชาชน ประเทศชาติได้ประโยชน์ตรงไหน
อันที่จริง การปรับคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่สถานการณ์ความเหมาะสม รวมถึงตำแหน่งที่จะปรับมันต้องสอดคล้องกัน ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แล้วเปลี่ยนเป็นนักบริหารมืออาชีพเพื่อให้ประชาชน มีความหวังมากขึ้น แบบนี้พอเข้าใจได้ คงไม่มีใครว่าอะไร
แต่จ้องแต่จะปรับกระทรวงมหาดไทยที่เป็นเรื่องความมั่นคงภายในแบบนี้ อธิบายอะไรไม่ได้เลย
และจากสถานการณ์ขณะนี้ที่ชัดเจนแล้วว่าการเมืองมาถึงจุดแตกหัก แม้รัฐบาลใหม่หลังภูมิใจไทย ยอมหักไม่ยอมงอ ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วอายุของครม.ชุดใหม่ก็คงลากกันไปได้ไม่นานแน่นอน ยิ่งเมื่อมีกรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีคุยกับสมเด็จฮุนเซน เผยแพร่ออกมาและมีเนื้อหาที่สังคมรับไม่ได้ ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้อายุรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย นับถอยหลังได้เลยเหลือเพียงแค่ จุดจบจะเป็นอย่างไรแค่นั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี