ฟังนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ แถลงข่าวยอมรับว่า คลิปเสียงหลุดจากเขมรนั้น คือ คลิปจริงคุยกับฮุนเซนจริงๆ
1. เหตุที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์แถลงยอมรับ เป็นการยอมรับแบบจำนนด้วยหลักฐาน
ไม่ใช่ด้วยความสำนึกผิดอะไรเลย
2. สังเกตท่าทีอาการที่แถลง ไม่แสดงความรู้สึกรู้สา ละอายแก่ใจ หรืออับอายต่อคนไทย ที่เห็นตนเองเอาตำแหน่งนายกฯไปเจรจากับผู้นำประเทศคู่กรณีแบบไม่เหลือซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติ
ขนาดรัฐมนตรีที่ยืนข้างๆ ยังออกอาการเหวอ ตาลอย มือแขนตกไร้เรี่ยวแรง
นั่นก็เพราะรู้ดีแก่ใจว่าพฤติกรรมแบบนี้ ไม่ใช่คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศได้อีกต่อไปแล้ว
3. อ้างเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว
นายกฯอุ๊งอิ๊งค์อ้างว่า คลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับนายฮุนเซนนั้น เป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันประมาณอาทิตยที่แล้ว
เหตุที่เรียกแม่ทัพภาคที่สองว่าเป็นฝั่งตรงข้าม เพราะขณะนั้น ตนได้ทราบข้อมูลมาจากล่ามที่แปล ว่าทางสมเด็จฮุนเซนโกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้มีการคุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งฮุนเซนโกรธเรื่องนี้และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง
โอ้วววววว...
นี่คือ เทคนิคการพูดหน้าไมค์เพื่อเอาตัวรอดของนายกฯอุ๊งอิ๊งค์อีก อย่างนั้นหรือไม่?
แม่ทัพภาคที่สอง จุดยืนชัดเจน พูดชัดเจนทุกครั้งถึงการปกป้องอธิปไตยเหนือแผ่นดินของชาติ
นายกฯ บอกว่า เป็นฝั่งตรงข้าม
แบบนี้ แสดงว่านายกฯเป็นฝั่งเดียวกับฮุนเซน อย่างนั้นหรือ?
แม้จะมาแก้ตัวพลิกลิ้นว่า ที่พูดหมายถึงแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝั่งตรงข้ามกับฮุนเซน ขัดแย้งกับการพูดคุยในคลิปอย่างสิ้นเชิง
ประเทศไทยจะปล่อยให้มีนายกฯ เป็นฝั่งตรงข้ามกับแม่ทัพที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติราชอาณาจักรไทย ไม่ได้เด็ดขาด
4. นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ยังพูดกับฮุนเซนอีกว่า “อยากได้อะไร จะจัดการให้”
คำพูดแบบนี้ มันคือฝั่งเดียวกันชัดเจน
จะให้เปิดด่าน ก็พร้อมจะให้เปิดด่าน
ไม่ได้สนใจเลยว่า การที่กองทัพควบคุมเข้มงวดเรื่องด่าน (ไม่ใช่ปิด) ก็เพื่อเพิ่มแรงกดดันแก่ฝ่ายกัมพูชา ที่แสดงท่าทีและกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ร้ายแรงต่อประเทศไทย
หลังการประชุม JBC ก็ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือตามแนวทางของฝ่ายไทยเลย ยังจะไปศาลโลกฝ่ายเดียว แล้วยังกล่าวหาให้ร้ายประเทศไทยด้วยความเท็จซ้ำซาก ปลุกปั่นให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งเรื่องแรงงาน เรื่องการค้าขาย และที่สำคัญ เรื่องเขตแดน หาว่าไทยรุกราน ยิงก่อน ฯลฯ
เหตุผลที่ไทยยังต้องกดดัน ตอบโต้ ยังมีอยู่ทั้งหมด
แต่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ไปเสนอสุดซอย อยากได้อะไรจะจัดการให้ จะเปิดด่านให้ มันสะท้อนว่าอะไร?
จะทำตัวเป็นไส้ศึกให้ฝ่ายเขมรมาเล่นงานกองทัพ อย่างนั้นหรือ?
แม้นายกฯอุ๊งอิ๊งค์พยายามจะแก้ต่างว่า ...การพูดเพื่อให้ฝั่งนั้นเข้าใจว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไร แต่เหตุใดทางนั้นจึงบอกว่าไม่ได้ ไทยต้องเปิดก่อน แต่เขาก็บอกว่าเขาเป็นลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น แต่ตนก็ไม่แน่ใจ จึงขออนุญาตปรึกษากับทีมกลาโหมก่อนและจะมาให้คำตอบในวันต่อไป... ตนก็ไม่ได้รับปากสมเด็จฮุนเซน เพราะต้องรอประชุมกับกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงก่อน...
ข้ออ้างเช่นว่านี้ มีน้ำหนักรับฟังได้น้อยมาก
5.นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์พยายามจะสรุปด้วยการกระชากหน้ากากฮุนเซนว่า
“..ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะ ว่าความต้องการของท่านจริงๆ แล้วเป็นความต้องการคะแนนนิยม ภายในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร
การที่ท่านต้องการจะมี Popularity ในประเทศของท่าน เพราะท่านก็เคยบอกดิฉันว่า popularity เริ่มตก อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากจะเรียกพลัง
ตรงนี้ ดิฉันก็หวังว่าท่านจะได้คะแนนความนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำสองท่านคุยกันส่วนตัว แต่มีการอัดคลิปและปล่อยออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้นค่ะจะได้เข้าใจจุดประสงค์ ว่าจริงๆ แล้วเราต้องการเจรจาให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการทำให้ Popularity ของท่านเพิ่มขึ้นก็ไม่เป็นไร ก็ตามนั้นค่ะ”
แต่ในความเป็นจริง คนไทยส่วนใหญ่รู้เช่นเห็นชาติฮุนเซนอยู่แล้ว ว่ามีพฤติกรรมจริงภายใต้หน้ากากเช่นนั้น
ตรงกันข้าม คลิปเสียงข้างต้น กลับช่วยกระชากหน้ากากของอีกคนให้คนไทยได้รู้เช่นเห็นชาติเช่นกัน
ว่าเป็นนายกฯที่รักษาเกียรติศักดิ์ศรีและผลประโยชน์ของชาติ หรือใช้เทคนิคเจรจาต่อรองขายชาติภายใต้หน้ากากนายกรัฐมนตรี?
6. สุดท้าย...อยากให้คนไทยทุกคน ทั้งคนที่อยู่ใน ครม. อยู่ในกองทัพ และอยู่ในทุกสถานะในประเทศไทย ได้อ่านข้อเขียนเตือนใจนี้
ว่าด้วย “เสียงย้ำเตือน....จากจิตวิญญาณของสิ่งที่เรียกว่า ชาติไทย” ระบุว่า
“....เมื่อใดก็ตามที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตต่าง ๆ รวมทั้งแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก การตัดสินใจของผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านเมืองคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะมันไม่ใช่เพียงเรื่องของเศรษฐกิจ การทูต หรือการลงทุนระหว่างประเทศเท่านั้น
หากแต่ในบางขณะ มันคือการชี้เป็นชี้ตายต่อ “เกียรติภูมิของแผ่นดินไทย” ด้วยเช่นกัน
เมื่อใดที่ประเทศชาติเกิดวิกฤต อย่าให้ผลประโยชน์หรืออำนาจทางการเมืองใดๆ มาทำให้ท่านลืมว่า ท่าน “คือผู้นำประเทศ ผู้ที่ต้องปกป้องพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติของแผ่นดินเอาไว้อย่างสุดกำลัง มิใช่ผู้เจรจาเพื่อผลตอบแทน”
แม้ประเทศไทย ประชาชนคนไทย และกองทัพไทย ไม่เคยปรารถนาสงคราม ความรุนแรง หรือความขัดแย้งใดๆ แต่เลือดไทยที่ไหลเวียนในตัวและในหัวใจพวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีเช่นกัน ว่าไม่ควรยอมจำนนหรือตกเป็นเบี้ยล่างใครโดยไม่คิดสู้หรือตอบโต้หากถูกรุกราน
จงจำไว้ว่า...
การเจรจาที่ถูกต้อง ไม่ใช่การยอมจำนน
การรักษามิตรภาพ ไม่ใช่การยอมให้ใครย่ำยี
และการรักสันติ ไม่ควรแลกมากับการเสียอธิปไตย
ถึงเวลาหรือยัง ที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้จะลุกขึ้นทบทวนว่า ตำแหน่งที่ท่านยืนอยู่ทุกวันนี้นั้น ท่านได้มาเพราะประชาชนไทยไว้วางใจพวกท่าน เพื่อให้เข้ามาปกป้องรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติเพื่อประชาชนไทย
ไม่ใช่เพื่อให้ท่านนำ “ศักดิ์ศรีของชาติและประชาชน” ไปให้ใครย่ำยี หรือนำ“ผลประโยชน์ของชาติ” ไปแบ่งให้ใครอื่น
เสียงจากแผ่นดินไทยที่เรียกว่าบ้านแห่งนี้ มันพอที่จะดังก้องเข้าไปในหัวใจพวกท่านบ้างไหมว่า...
“แผ่นดินไทยผืนนี้ ไม่ใช่ได้มาด้วยคำพูด หากแต่ได้มาด้วยลมหายใจและชีวิตของบรรพบุรุษทุกคน ที่ยอมเสียสละวาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อปกป้องรักษาไว้
เลือดเนื้อทุกหยดที่หลั่งรดลงไป คือคำบอกเล่าว่าพวกเขาเหล่านั้นรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากมายเพียงใด
หน้าที่ของพวกท่าน คือการที่จะต้องปกป้องรักษามรดกแห่งความเสียสละนี้ไว้ด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์และหวงแหนเฉกเช่นเดียวกัน
เพราะแผ่นดินนี้ไม่ใช่เพียงที่อยู่ของเราแค่ชั่วคราว
แต่มันคือบ้านของลูกหลาน...คืออนาคตที่เราต้องมอบให้พวกเขาด้วยศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ
เพื่อให้เขาสืบทอดความภาคภูมิใจ
และปกป้องรักษาเอาไว้สืบต่อไปตราบเท่านาน” – จากเพจ ข่าวทหาร #รักษาเกียรติภูมิของชาติ #เรารักประเทศไทย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี