มีประเด็นคำถามเกิดขึ้นมากมายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เซ่นกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุนเซน อดีตผู้นำจอมแสบของกัมพูชา ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อสถานการณ์รุมเร้ารอบด้านทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจำเป็นต้องรีบดับไฟอย่างเร่งด่วน
ดังนั้นฉากทัศน์ทางการเมืองจึงถูกนำมาวางบนโต๊ะว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมีการวิเคราะห์จากมติ 9 ต่อ 0 เสียง ให้รับคำร้องกรณีดังกล่าวแล้ว โอกาสรอดของน.ส.แพทองธารคงเป็นไปได้ยากหนึ่งในกระแสที่มาแรงสุดตอนนี้คือ การเรียกร้องให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพราะน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้บอบช้ำน้อยที่สุด
ส่วนการยุบสภานั้น หลายฝ่ายยังกังวลว่า อาจมีปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นบทบาทและอำนาจของรักษาการนายกรัฐมนตรีว่ามีอำนาจทำได้หรือไม่ทั้งยังสิ้นเปลืองงบประมาณ และเสียเวลาไม่ทันการณ์ ที่สำคัญน่าจะเป็นทางเลือกในลำดับสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยในสถานการณ์ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำยุบก็แพ้อยู่ต่อก็พังแบบนี้
เหตุผลที่การลาออกถูกมองว่า เป็นทางเลือกดีสุดตอนนี้ มีหลายประการด้วยกัน เช่น ลดแรงปะทะเสียดทานทั้งในและนอกสภา ปิดสุญญากาศทางการเมือง และเปิดโอกาสให้รัฐสภาได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็ว เพราะหากลากยาวเท่าไหร่ ประเทศจะยิ่งติดหล่ม ความเสียหายด้านต่างๆ จะยิ่งประเมินค่าไม่ได้
หากประเมินจากตรงนี้ ด้วยนิสัยของนายทักษิณ ชินวัตร คงไม่ยอมสยบต่อการถูกท้าทายอำนาจด้วยการให้ลูกสาวลาออกจากตำแหน่งง่ายๆ อย่างน้อยที่สุดคงประคองเกมให้มีนายกรัฐมนตรีรักษาการไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าศาลจะตัดสินเมื่อไหร่ อาจจะใช้เวลานาน2-3 เดือนนับจากศาลมีคำสั่งรับคำร้อง
ถ้าผลออกมาเป็นบวก ก็เลือกไปต่อ ส่วนจะอยู่ครบวาระหรือไม่ นั่นยังเป็นคำถามจากทุกฝ่ายเพราะยังมีม็อบจ่อยกระดับขับไล่รออยู่ รวมทั้งการเปิดซักฟอกในสภา อาจจะยิ่งทำให้เสียเวลาและสุ่มเสี่ยงเกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต เนื่องจาก ณ วันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้หมดความชอบธรรมในสายตาประชาชนไปแล้ว
แต่หากผลเป็นลบ ทักษิณ ชินวัตร ยังมีไพ่ในมือให้เล่น หนึ่งในนั้นก็คือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่3 ของพรรคเพื่อไทย เพื่อส่งไม้ต่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และเป็นคนที่สามในรัฐบาลชุดนี้ แม้จะเป็นการเข้ามาเพื่อขัดตาทัพแต่อย่างน้อยๆก็เป็นไปตามกลไกรัฐสภา น่าจะสามารถช่วยลดแรงกระแทกของวิกฤตรอบด้านได้ในระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ยังมีสมการใหม่ เพิ่งถูกโยนหินถามทางเข้ามาเป็นสูตรผ่าทางตันทางการเมืองอย่างรีบด่วนนั่นคือ ผลักดัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล โดยมีพรรคประชาชนเป็นตัวแปรสำคัญ เพื่อระดมมืออาชีพตอบโจทย์แก้วิกฤตเฉพาะหน้า ก่อนยุบสภาไปว่ากันใหม่ในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ ยังไม่มีอะไรแน่นอน คงต้องดูกันเป็นวันๆ เพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ซึ่งทั้งหมดนี้คือปัญหาใหญ่ที่ประเทศกำลังเผชิญหน้าอยู่ โดยไม่รู้ว่าจะไปจบสิ้นอย่างไร และเมื่อไหร่ แต่ถ้าปล่อยให้เล่นเกมยาวต่อไปท่ามกลางปัญหารุมเร้ารอบด้านทั้งศึกในศึกนอกประเทศ อาจนำมาซึ่งความเสียหายใหญ่หลวงจนยากแก้ไขทันการณ์
ดังนั้น หากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจริงเหมือนคำพูดในวันที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่า ทำเพื่อชาติ 100% ด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้น ก็ควรลาออกเพื่อเปิดทางให้กลไกทางรัฐสภาไปต่อได้โดยเร็วในขณะที่ยังมีบันไดพาดให้ลง เพราะนี่คือการปลดล็อกทำเพื่อชาติเช่นกัน แต่ถ้ายังขืนดันทุรังโดยไม่นำพาต่อสิ่งใดๆ เพียงเพื่อหวังแค่กุมอำนาจเท่านั้น แม้แต่ที่ยืนก็อาจจะไม่มี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี