•เมื่อเวลาเดินทางช้าลง : ท่วงทำนอง
แห่งชีวิตในปัจฉิมวัย
เวลา : เดินไม่เมื่อยไม่หยุด
ไม่ทุกข์สุขนำไปข้างหน้า
เวลามีค่าสำหรับชราชน ตนเดินมาแล้วชั่วชีวิต
ไม่คิดจะหยุดด้วยเหลือน้อย ค่อยๆ เดินด้วยใจสุขสงบเอยฯ
บทกวีข้างต้นเปรียบดั่งเสียงกระซิบจากหัวใจของผู้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน
เป็นเสียงที่มิได้โหยหวนถึงอดีต หรือกังวลต่ออนาคต
หากแต่เป็นเสียงแห่งความเข้าใจในสัจธรรมของชีวิตอย่างแท้จริง
ขอเชิญชวนเพื่อนมิตรสหายร่วมวัยชราทุกท่าน
ได้ร่วมดื่มด่ำไปกับความหมายของการเดินทางในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ที่ซึ่งทุกย่างก้าวเปี่ยมไปด้วยความหมายและความสงบอันงดงาม
การเดินทางที่ไม่สิ้นสุด : จากก้าวย่างภายนอกสู่การจาริกภายใน
“เดินไม่เมื่อยไม่หยุด” อาจฟังดูขัดแย้งกับสังขารที่ร่วงโรย
แต่แท้จริงแล้ว นี่คือภาพของการเดินทางภายในจิตใจที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
เมื่อครั้งเยาว์วัย การเดินของเราคือการมุ่งไปข้างหน้าเพื่อแข่งขัน
แต่เมื่อถึงวัยชรา การเดินของเราได้เปลี่ยนความหมายไป
มันคือ “การเดินจงกรมของชีวิต”
ซึ่งแต่ละก้าวคือการตระหนักรู้ การปล่อยวาง และการซึมซับบทเรียนที่สั่งสมมา
“ไม่ทุกข์สุขนำไปข้างหน้า”
คือภาวะแห่งอุเบกขาที่ได้รับการขัดเกลาจากประสบการณ์
เราเรียนรู้แล้วว่าทั้งความสุขและความทุกข์เป็นเพียงอาคันตุกะที่แวะเวียนมาแล้วก็จากไป
ในวัยนี้ เราจึงเรียนรู้ที่จะเป็นเพียงผู้เฝ้ามองอย่างเข้าใจ
โดยไม่ยึดติดหรือปล่อยให้อารมณ์เป็นนายเหนือหัวใจ
ทำให้การเดินทางนี้เป็นการเดินที่ “ไม่เมื่อย” อย่างแท้จริง
เพราะเราได้ปลดเปลื้องสัมภาระทางอารมณ์ที่หนักอึ้งออกไปจนหมดสิ้น
มิติแห่งเวลาที่เปลี่ยนไป : จากปริมาณสู่คุณภาพ
“เวลามีค่าสำหรับชราชน”
ประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้งกว่าแค่การตระหนักว่าเวลาเหลือน้อยลง
ในวัยหนุ่มสาว เรามองเวลาเป็นดั่งสายน้ำที่ไหลเชี่ยว
แต่สำหรับผู้สูงวัยแล้ว เวลาได้เปลี่ยนสถานะจาก
“ปริมาณ” ที่นับถอยหลัง มาเป็น “คุณภาพ” ในทุกขณะจิต
เราไม่ได้มองนาฬิกาด้วยความเร่งรีบอีกต่อไป
แต่มองผ่านมันไปสู่คุณค่าของสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า
- ไม่ว่าจะเป็นการจิบชาอุ่นๆ ในยามเช้า,
- การเฝ้ามองแสงอรุณ,
- การฟังเสียงนกกา, หรือ
- การได้เห็นรอยยิ้มของลูกหลาน
สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้กลับกลายเป็นเพชรเม็ดงาม
ที่ประดับประดาช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้ส่องประกาย
การตระหนักรู้เช่นนี้เองที่ทำให้ทุกนาทีมีคุณค่า
เพราะมันคือเวลาแห่งการ “มีชีวิต” อย่างสมบูรณ์
ศิลปะแห่งการก้าวเดินอย่างสงบ : “ค่อยๆ เดินด้วยใจสุขสงบเอย”
หัวใจของบทกวีอยู่ที่ท่อนสุดท้ายนี้เอง
“ไม่คิดจะหยุดด้วยเหลือน้อย ค่อยๆ เดินด้วยใจสุขสงบเอย”
มันคือบทสรุปที่ปฏิเสธความตื่นตระหนก
แต่โอบรับความเป็นจริงด้วยปัญญาและความสง่างาม
“ไม่คิดจะหยุด”
ไม่ใช่การฝืนสังขาร แต่คือการปฏิเสธที่จะหยุดนิ่งทางความคิด
หรือปล่อยให้ความท้อแท้เข้ามาครอบงำ
แม้ร่างกายอาจต้องการการพักผ่อน
แต่จิตวิญญาณของเรายังคงเดินทางและเรียนรู้ต่อไป
“ค่อยๆ เดิน”
คือศิลปะแห่งการใช้ชีวิตอย่างละเมียดละไม
ซึ่งตรงข้ามกับวัฒนธรรมแห่งความเร็ว
การเดินช้าๆ ทำให้เรามองเห็นรายละเอียดที่เคยละเลย
ได้ยินเสียงที่เคยถูกกลบฝัง และ
รู้สึกถึงความงดงามของสิ่งรอบตัวได้อย่างเต็มเปี่ยม
“ด้วยใจสุขสงบเอย”
คือทั้งปลายทางและหนทาง
ความสุขสงบนี้ไม่ได้เกิดจากความมั่งมีหรือชื่อเสียง
แต่เกิดจากการยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น
การให้อภัยในสิ่งที่เคยผิดพลาด และ
การขอบคุณต่อทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ถึงเพื่อนมิตรสหายร่วมทาง
การเดินทางมาถึงปัจฉิมวัยนี้
เรามิได้เดินอยู่อย่างเดียวดาย
เรามีเพื่อนมิตรสหายร่วมรุ่นผู้ซึ่งเข้าใจความหมายของรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในแววตา และ
ความเงียบที่บางครั้งก็สื่อความหมายได้ดีกว่าคำพูดนับพัน
เราต่างเป็นกระจกสะท้อนการเดินทางของกันและกัน
แบ่งปันความทรงจำ และเป็นกำลังใจให้กันในย่างก้าวที่เหลืออยู่
บทสนทนาของเราจึงเน้นที่ความสุขเล็กๆ ในวันนี้
ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการเดินทางในช่วงเวลานี้
แม้จะช้าลง แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง
บทสรุปของการเดินทางที่เรียกว่า “ชีวิต” สำหรับพวกเราชาวชรา
จึงมิใช่การรอคอยจุดสิ้นสุด
แต่คือการเฉลิมฉลองทุกขณะที่ยังคงดำเนินไป
เป็นการเดินทางด้วยสติ ปัญญา และ
หัวใจที่เปี่ยมด้วยความสงบ
การยอมรับว่าเวลาเหลือน้อยลง
กลับกลายเป็นพลังให้เราใช้ทุกวินาทีอย่างมีคุณค่าที่สุด
@ ขอจงก้าวเดินต่อไป...เพื่อนเอ๋ย...
ด้วยท่วงทำนองแห่งหัวใจที่สงบงันและเปี่ยมสุข
ในทุกย่างก้าวที่ยังเหลืออยู่ของเราทุกคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี