กรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) ได้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ “สีกากอล์ฟ” หญิงคนสนิทของอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เพื่อหาพยานหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินวัดหรือไม่
ปรากฏว่า พบภาพและคลิปวีดีโอฉาวโฉ่ มากกว่า 80,000 ภาพ อยู่ในโทรศัพท์มือถือดังกล่าว
เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวระหว่างสีกากอล์ฟกับพระ
โดยในจำนวนนั้น มีพระชั้นผู้ใหญ่จากวัดต่างๆ ด้วย
ปรากฏว่า พระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปทยอยลาสิกขา
รายงานข่าวยืนยันว่า พระเหล่านั้น มีภาพปรากฏอยู่ในมือถือร่วมกับสีกากอล์ฟ
1. หนึ่งในพระชั้นผู้ใหญ่ที่สึกแล้ว คือ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี
ลาสิกขา เนื่องจากจำนนด้วยหลักฐานภาพถ่าย
ภาพถ่ายพระที่กำลังซุกศีรษะที่มือของสีกากอล์ฟ คือ ภาพของอดีตพระรูปนี้
ภาพนี้ ถ่ายที่บ้านของสีกากอล์ฟ ในกรุงเทพมหานคร ช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2567 ซึ่งพระดังกล่าวมักจะบอกกับชาวบ้านว่าไปรับกิจนิมนต์ที่กรุงเทพฯ แต่ละครั้งเป็นเวลานาน 3-4 เดือน
ต่อมา มีรายงานว่าที่ไม่ยอมกลับวัด เพราะหึงหวงสีกากอล์ฟ กลัวว่าสีกากอล์ฟจะแอบคุยกับพระวัดอื่น
หลังสึกแล้ว เจ้าตัวยังยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รู้จักกับสีกากอล์ฟมาตั้งแต่ปี 2562 ผ่านทางเฟซบุ๊ก
สีกากอล์ฟ เป็นคนเริ่มเข้ามาตีสนิทก่อน ในลักษณะเลื่อมใสศรัทธา
จากนั้น มีการพูดคุยกันเรื่อยมาประมาณ 1 ปี ความสัมพันธ์ก็เริ่มพัฒนากลายเป็นฉันชู้สาว
สีกากอล์ฟเคยนำรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด มาให้ใช้ 1 คัน เพื่อนำไปใช้ในกิจนิมนต์
คบหากันอยู่หลายปี จนถึงขั้นวางแผนจะสึกออกมาแล้วไปแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ตอนหลังเกิดจับได้ก่อนว่า สีกากอล์ฟไม่ได้มีแค่ตนเพียงคนเดียว แต่แอบคบซ้อนพูดคุยเชิงชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่วัดอื่น จึงเริ่มมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันจากเรื่องหึงหวง
นอกจากนี้ ฝ่ายพระรูปนี้ยืนยันว่า เคยถูกข่มขู่ขอเงินอยู่หลายครั้ง จนเครียดถึงขั้นคิดที่จะสึก เพื่อออกมาแฉเรื่องราวของสีการายนี้
แต่สุดท้าย ถูกตำรวจเปิดโปงตามจับสึกก่อน
2. พระที่มีข่าวว่า มีภาพกับสีกากอล์ฟ อาทิ
พระเทพวชิรปาโมกข์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร กทม.
พระเทพวชิรธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี
พระเทพวชิวธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กทม.
พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
พระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา
พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
พระเทพปวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กทม. ฯลฯ
บางส่วน ลาสิกขาไปแล้ว
ล่าสุด มีรายงานว่า มีพระในอีก 5 วัด ที่พบว่าพระเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ มีทั้งระดับตำแหน่งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ยันผู้ช่วยเจ้าอาวาส ระดับสมณศักดิ์สูงสุดคือชั้นเทพ
ได้แก่ วัดในพื้นที่ จ.พิจิตร 2 วัด วัดในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จ.ขอนแก่น และ จ.สมุทรสาคร อย่างละ 1 วัด
ยังไม่หมดแค่นี้แน่ๆ
3. พฤติการณ์ของสีกากอล์ฟ เข้าหาพระ และมีความสัมพันธ์ทางเพศ
ใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิป พร้อมพูดจาให้มีเสียงตัวเองเข้าในคลิป หรือในขณะที่ต่างฝ่ายต่างโป๊เปลือย
โดยหวังจะใช้คลิปเหล่านั้นเอาไว้แบล็กเมล์
แนวทางการสืบสวนสอบสวนของทางตำรวจ จะแบ่งพระที่พัวพันกับสีกากอล์ฟออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่มีทั้งคลิปภาพและมีเส้นเงิน
อีกกลุ่ม คือ ไม่มีคลิปแต่มีเส้นเงิน
อดีตพระที่ลาสิกขาไปทุกคน จะต้องเรียกมาสอบสวนทั้งหมด เพื่อหาเส้นทางการเงินว่า ที่ผ่านมาใช้เงินส่วนตัวหรือเงินวัดในการโอนให้สีกากอล์ฟ
4. ลองคิดดู ภาพฉาวโฉ่ 80,000 ภาพ จะมีพระเกี่ยวข้องมากขนาดไหน?
สมมุติว่า ถ้าคนหนึ่ง มี 100 ภาพ ก็จะมีเหยื่อมากถึง 800 คน
ถ้ามีการเรียกเงินคนจะแสน ก็จะเป็นเงินกว่า 80 ล้านบาท
เงินจากไหน? เงินวัด? เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่?
5. พระสงฆ์กับสตรี เป็นสิ่งที่พึงระวังจริงๆ
(ไม่ใช่ว่าสตรีเลวร้าย แต่คนเป็นพระสงฆ์ต้องระมัดระวังจิตใจของตนเอง)
ในพระไตรปิฎก จึงกล่าวว่า
“หญิงทั้งหลายในโลกย่อมย่ำยีชายผู้ประมาทแล้ว พวกหล่อนย่อมชักจูงจิตของชายหนุ่มไป เหมือนลมพัดปุยนุ่นที่พลัดตกจากต้นสภาพนั้นบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า เป็นเหวสำหรับพรหมจรรย์”
ไม่ใช่สตรีเลวร้ายในตัวเอง แต่เป็นธรรมชาติว่า หากไม่สำรวมจิตใจของตนเองให้ดีแล้ว แม้ผู้หญิงจะไม่ได้ตั้งใจครอบงำจิตใจของบุรุษ ความหลงก็ทำให้บุรุษนั้นเองละทิ้งพรหมจรรย์
“ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นรูปอื่นแม้อย่างหนึ่งที่จะครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้เหมือนรูปสตรีนี้ ภิกษุทั้งหลาย รูปสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้
เราไม่เห็นเสียงอื่นแม้อย่างหนึ่งที่จะครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้เหมือนเสียงสตรีนี้ เสียงสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้
เราไม่เห็นกลิ่นอื่นแม้อย่างหนึ่งที่จะครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้เหมือนกลิ่นสตรีนี้ กลิ่นสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้
เราไม่เห็นรสอื่นแม้อย่างหนึ่งที่จะครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้เหมือนรสสตรีนี้ รสสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้
เราไม่เห็นโผฏฐัพพะ(การสัมผัสทางกาย)อื่นแม้อย่างหนึ่งที่จะครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้เหมือนโผฏฐัพพะสตรีนี้ โผฏฐัพพะสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษอยู่ได้”
หรือ
“สตรีแม้เดินอยู่ก็ครอบงำจิตของบุรุษได้ แม้ยืนอยู่ แม้นั่งอยู่ แม้นอนอยู่ แม้หลับอยู่ แม้หัวเราะอยู่ แม้พูดอยู่ แม้ขับร้องอยู่ แม้ร้องไห้อยู่ แม้พองขึ้น แม้ตายแล้วก็ครอบงำจิตของบุรุษได้” – พุทธพจน์
ทั้งหมดนั้น เป็นคำสอนที่จริงแท้
ย้ำว่า ไม่ใช่สตรีเลวร้ายในตัวเอง แต่พระย่อมเตลิดไปเพราะสตรีได้ หากขาดสติยับยั้งชั่งใจ
6. ปัญหาที่เกิดขึ้น ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง
ทั้งฝ่ายสีกา และพระสงฆ์ ล้วนมีส่วนทำให้เกิดความแปดเปื้อนเสียหายแก่พระพุทธศาสนา
แต่ปัจจุบัน ไม่มีกฎหมายเอาผิดพระที่เสพสังวาสกับสีกา (มีแต่ปาราชิก พ้นจากความเป็นสงฆ์ไป)
และสีกาที่เสพสังวาสกับพระ ก็ไม่มีความผิดตามกฎหมายในตัวเอง
ขณะนี้ จึงมีเสียงเรียกร้อง ให้มีกฎหมายเข้มงวด เด็ดขาดมากขึ้น
ถ้าใครมีเพศสัมพันธ์กับพระสงฆ์ โดยไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญ ควรมีความผิดติดคุกหรือไม่? (ทั้งคู่)
ความจริง ในอดีต ไทยเราเคยมีกฎหมายเอาผิดทั้งพระ ทั้งฆราวาส
สมัย ร.1 ทรงตระหนักว่า คณะสงฆ์ แม้ว่ามีสิกขาบทวินัยเป็นข้อบังคับ แต่เมื่อไม่มีใครว่ากล่าว ไม่มีการลงโทษอย่างรุนแรง ก็ทำให้ภิกษุสามเณรประพฤติหละหลวม ยิ่งไกลเมืองหลวงหรือไกลหูไกลตาพระเถระผู้ใหญ่แล้ว ก็ยิ่งปล่อยปละละเลยมากขึ้น
พระองค์ทรงเห็นว่าหากจะปล่อยให้พระสงฆ์เป็นอยู่อย่างเดิม การพระศาสนาก็จะเลวลง พระเกียรติยศของพระองค์ก็จะพลอยมัวหมอง จนถึงกับทรงกล่าวประณามภิกษุสามเณรเหล่านั้นว่า “มหาโจรทำลายพระศาสนา”
ดังข้อความที่ปรากฏในพระราชปรารภว่า
“...และทุกวันนี้ เป็นฝ่ายพุทธจักรวางมือเสีย ประการหนึ่งเข้าใจว่าศาสนาถึงเพียงนี้แล้ว (ไม่) เห็นจะบำรุงให้วัฒนาขึ้นได้ จึงมิได้ระวังระไวว่ากล่าวกัน ให้เกิดมหาโจรปล้นทำลายพระศาสนา ทั้งสมณะและสามเณรมิได้รักษาพระจตุปาริสุทธิศีลร่ำเรียนธุระทั้งสองประการ แลชวนกันเที่ยวเข้าตลาดแลดูสีกา มีอาการกิริยานุ่งห่มเดินเหินอย่างฆราวาส มิได้สำรวมรักษาอินทรีย์ มิได้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ทายก...
ฝ่ายภิกษุสามเณรบาปลามก ครั้งคุ้นเคยกันเข้ากับสีกาแล้วก็เข้าบ้านนอนบ้านผิดเพลาราตรี พูดจาสีการูปชีก็มีความเสน่หารักใคร่ ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกายกระทำเมถุนธรรมเป็นปาราชิก และลึงคเถรไถยสังวาสเป็นครุโทษ ห้ามบรรพชาอุปสมบทจะบวชมิได้เป็นภิกษุสามเณรเลย...”
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงให้มีกฎหมาย มีบทลงโทษที่ไม่เฉพาะตัว
ผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังให้ลงโทษผู้ที่เป็นบิดามารดาของพระภิกษุที่กระทำผิดนั้นด้วย
กฎพระสงฆ์ มีบทลงโทษ อาทิ
“1.พระสงฆ์สามเณรใดไม่ประพฤติตามกฎหมายนี้ พระสงฆ์สามเณรนั้นพร้อมทั้งญาติโยมจะต้องเป็นโทษตามโทษานุโทษ
2.พระราชาคณะ เจ้าอธิการ ภิกษุสามเณร ฆราวาส สังฆการี ธรรมการใดไม่ทำตามกฎหมายนี้ และละเลยไม่กำชับว่ากล่าวกัน ฝ่ายพระราชาคณะ ภิกษุสามเณรจะเอาญาติโยมเป็นโทษ ฝ่ายฆราวาสทั้งปวง จะต้องลงพระราชอาญาเฆี่ยนตามโทษานุโทษ
3.บิดามารดาคณาญาติของภิกษุสามเณรที่ทำผิด รู้แล้วปกปิดความผิดลูกหลานของตัวจะเอาเป็นโทษด้วย
4.พระราชาคณะและพระสงฆ์สามเณรทั้งปวง ผู้ใดมิได้ระวังระไวตรวจตราว่ากล่าวกันเป็นโทษเสมอด้วยสมคบพระสงฆ์สามเณรที่กระทำความผิดนั้น
5.ภิกษุสามเณรใดเป็นปาราชิก ให้สึกเสียแล้วให้สักหน้าหมายไว้อย่าให้ปลอมบวชชีต่อไป
6.ผู้เป็นปาราชิกแล้วปกปิดไว้ร่วมทำสังฆกรรมกับสงฆ์ ถ้าพิจารณาได้เป็นสัตย์ เป็นโทษถึงสิ้นชีวิต แล้วให้ริบราชบาทขับเฆี่ยนตีโบยญาติโยมจงหนัก
7.พระสงฆ์ใดเป็นปาราชิกแล้วปริวัติออกเสีย ทรงพระกรุณาหาเอาโทษไม่ ถ้าพระสงฆ์ปาราชิกแล้วปกปิดไว้ ร่วมทำสังฆกรรมกับสงฆ์ พิจารณารับเป็นสัตย์ จะเอาตัวเป็นโทษถึง 7 ชั่วโคตร แล้วให้ลงพระราชอาญาญาติโยม พระราชาคณะฐานานุกรม เจ้าอธิการ อันดับ ซึ่งกระทำความผิดและละเมิดเสียมิได้ระวังตรวจตรากัน”
เรียกว่า ทั้งตัวพระสงฆ์สามเณรผู้กระทำผิด และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดจะต้องโทษด้วย
บัดนี้ ประเทศไทย ถึงเวลาชำระล้างมารศาสนากันครั้งใหญ่ แล้วหรือยัง?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี