(บทความประจำสัปดาห์นี้ ได้รับความกรุณาจาก รศ.สีดา สอนศรี อดีตอาจารย์ภาควิชาการต่างประเทศและการทูต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รศ.สีดาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองการปกครองของประเทศฟิลิปปินส์คนหนึ่งในประเทศไทย)
ขณะนี้ประเทศไทยของเรากำลังมีปัญหาการสู้รบอย่างรุนแรงที่บริเวณชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา ในเขตภาคอีสานตอนใต้ โดยความจริงคือฝ่ายกัมพูชาจงใจโจมตีไทยด้วยอาวุธสงคราม โดยมุ่งโจมตีไปยังพื้นที่ soft targets เช่น โรงเรียนโรงพยาบาล ชุมชน ตลาด บ้านพักประชาชนพลเรือน แต่ดูเสมือนว่าการรับรู้เรื่องราวปัจจุบันของไทยในสายตาของประเทศเพื่อนบ้าน และนานาชาติ ก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะหลายประเทศอาจไม่เข้าใจความจริงเรื่องที่กัมพูชาจงใจโจมตีและกระทำละเมิดต่อไทยก่อน ดังนั้น หากไทยสามารถทำให้ความจริงก็จะเป็นประโยชน์ต่อไทยอย่างมาก แต่ดูเสมือนว่ารัฐบาลไทยไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้ประชาคมโลกรับรู้ความจริงที่ไทยถูกกระทำละเมิดโดยฝ่ายกัมพูชา หากยังปล่อยสถานการณ์ไว้เช่นนี้ ผลเสียจะเกิดกับไทยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนานาชาติจะเข้าใจผิดคิดว่าไทยรุกรานกัมพูชา เนื่องจากไทยมีขนาดใหญ่กว่า มีเศรษฐกิจดีกว่า มีกำลังรบมากกว่ากัมพูชา วันหน้าจะมาคุยให้ฟังถึงเรื่องนี้ในสายตาประชาคมโลกที่มีมุมมองต่อไทย
แต่วันนี้จะขอเล่าถึงเรื่องการแถลงประจำปี ของ ประธานาธิบดี Ferdinand Marcos Jr. หรือ Bongbong Marcos ผู้นำการเมืองสูงสุดของฟิลิปปินส์ โดยถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปี ตั้งแต่ ค.ศ 1935 ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้วางระบบไว้ ดังนั้น จนถึงบัดนี้จึงมีการแถลงนโยบายประจำปีไปแล้ว 87 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ก็ต้องนับว่าอย่างน้อยก็ต้องถือเป็นความดีของสหรัฐอเมริกาที่สร้างให้กับฟิลิปปินส์
การแถลงนโยบายนี้เป็นการแถลงในประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในช่วงระยะเวลารอบปีที่ผ่านมา รวมถึงการบอกกล่าวว่าไว้รอบปีที่ผ่านมาได้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวอย่างไรบ้าง และได้บอกกล่าวถึงสาเหตุของความล้มเหลว และการบอกถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของปีต่อไป อีกทั้งจะได้แถลงนโยบายใหม่ๆ ที่จะมีในปีต่อไปอีกด้วย
การแถลงครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2025 โดยอดีตประธานาธิบดี กลอเรีย มาคาปากัล ประธานวุฒิสมาชิก ประธานสมาชิกสภาผู้แทน และสมาชิกทั้ง 2 สภา องค์กรพัฒนาเอกชน และประชาชนเข้าร่วมฟังถือเป็นการรับฟังปัญหาที่ผ่านมา และการประกาศนโยบายที่สำคัญของประเทศในอนาคตไปพร้อมๆ กันในโอกาสนี้
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวสรุปประเด็นเศรษฐกิจก่อนเป็นอันดับแรกว่า ตามข้อมูลของ Asian Development Bank (ADB) เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ ปี 2024 ถึงกลางปี 2025 เจริญเติบโต 5.5-6.5 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับมีการฟื้นตัวของภาคบริการโดยเฉพาะ ด้าน BPO (Business Processing Outsourcing) การจ้างชาวต่างชาติให้ดำเนินกระบวนการทางธุรกิจ โดยใช้ทรัพยากรบุคคลภายในประเทศ ทำให้ลดปัญหาการว่างงานลงได้อย่างดี ในขณะที่ประชาชนมีการบริโภคสูงขึ้น เนื่องจากมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น จากการส่งเงินตราเข้าประเทศโดยญาติพี่น้องที่ไปทำงานในต่างประเทศจำนวนมาก แต่ก็ยังมีปัญหาด้านการเกษตร แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ปฏิรูประบบการคลัง ตามที่ระบุไว้ในการแถลงการณ์ครั้งก่อน
เมื่อกล่าวถึงประเด็นทางการเมือง ประธานาธิบดีทราบดีว่าเกิดความแตกแยกภายในรัฐบาล เนื่องจากฝ่ายสนับสนุนรองประธานาธิบดี Sarah Duterte บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดี Duterte ซึ่งขณะนี้ Duterte ถูกส่งตัวไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ กรณีสั่งสังหารผู้ติดยาเสพติดเป็นจำนวนมากโดยไม่ดำเนินตามกฎหมาย โดยเขาสั่งในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ส่งผลให้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งกลางสมัยของผู้สมัครพรรครัฐบาลลดต่ำลงเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองของ Sara Duterte
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าคะแนนเสียงส่วนใหญ่มาจากเกาะมินดาเนา ดังนั้น ประธานาธิบดีจึงกล่าวในสภาว่า เขาจะรวมพรรคต่าง ๆ เข้ามาร่วมในฝ่ายรัฐบาลเพื่อผลักดันให้เกิดการส่งเสริมโครงการ Maharlika Investment Fund คือโครงสร้างที่ออกแบบเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูง ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านอนุมัติเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังมีโครงการส่งเสริมให้แก้กฏหมายเพื่อเพิ่มการค้าเสรี
ดังนั้น ต้องดูกันต่อไปว่าในปีหน้านี้โครงการดังกล่าวจะให้ผลดีต่อฟิลิปปินส์หรือไม่ และจะช่วยลดปัญหาการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด
ส่วนทางด้านสังคม ก็มีนโยบายบริการสาธารณสุข ความมั่นคงทางอาหาร และนโยบายการศึกษา โดยนโยบายเหล่านี้ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ เพราะจากการสำรวจของหน่วยงาน Social Weather Station ระบุว่ายังไม่ให้ผลดี จึงทำให้คะแนนเสียงของพรรครัฐบาลลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีกล่าวว่าปัญหานี้จะแก้ไขได้ ถ้าหากโครงการและกฎหมายที่ออกมาใหม่ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง เพราะจะช่วยให้เกิดรายได้ใหม่ แล้วนำรายได้ส่วนหนึ่งไปแก้ปัญหาเหล่านี้
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังคงมีปัญหาภาคบริการทางสังคม ปัญหาสาธารณสุข ปัญหาคอร์รัปชัน ปัญหาการศึกษา ปัญหาการจัดการปกครอง ปัญหาทะเลจีนใต้ และปัญหาความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องพยายามแก้ให้ได้ทุกปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเศรษฐกิจ ประธานาธิบดี ระบุว่าสามารถเจรจากับสหรัฐอเมริกา ให้ยกเว้นภาษีการค้าได้หลายๆ อย่างแล้ว เช่น การส่งออกสารกึ่งตัวนำ (semiconductor) เช่น ทองแดง ฉนวนไฟฟ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
การแถลงนโยบายในครั้งนี้ ประธานาธิบดีใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง และเป็นที่น่าสังเกตว่าการแถลงนโยบาย ประธานาธิบดีมุ่งเน้นการนำเสนอนโยบายด้านสาธารณสุข การเกษตร การศึกษา ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงเวลาปัจจุบัน และเป็นปัญหาที่ถูกระบุชัดจากการสำรวจประชามติ เมื่อการเลือกตั้งกลางสมัย ในปี 2025 ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้คะแนนของพรรครัฐบาลตกต่ำและพ่ายแพ้คะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ดังนั้น เพื่อสร้างคะแนนนิยมใหม่ให้ได้ ประธานาธิบดีจึงชูประเด็นเหล่านี้เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาสังคมในปีถัดไป พร้อมการเสนอแนวทางแก้ปัญหาในรูปแบบใหม่ด้วย
ถ้าจะวิเคราะห์ตามแนวคิดทางด้าน Public Opinion และการสื่อสารการเมืองโดยเฉพาะในรูปแบบของคำปราศรัยหรือการแถลงนโยบายต่อสาธารณชน ก็ถือเป็นกลไกสำคัญที่ผู้นำประเทศใช้เพื่อสร้างความเข้าใจ สร้างการยอมรับ และความชอบธรรม (Legitimacy) จากประชาชน การเลือกเน้นนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ เช่นสุขภาพ การเกษตร และการศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ที่สะท้อนความพยายามในการจัดการภาพลักษณ์ของรัฐบาล (Image Management) และสร้างการรับรู้ในทางบวกต่อทิศทางนโยบายของภาครัฐ
แนวทางที่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ใช้ในการนี้ นับเป็นแนวทางที่น่าสนใจ น่าศึกษา และน่าจะนำมาปรับใช้ในการเมืองไทยบ้าง เพราะน่าจะช่วยให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและต่อประชาชนของไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
รศ.สีดา สอนศรี อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี