รายงานฉบับนี้วิเคราะห์ข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยปละละเลยปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงปี 2557–2566
ข้อกล่าวหาหลักคือ
-การยอมให้กัมพูชารุกล้ำดินแดน,
-การละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) พ.ศ. 2543,
-การอนุญาตให้มีการสร้างกาสิโนในพื้นที่ของไทย และ
-การขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาชายแดน
l ผลการตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่า
ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชามีความซับซ้อนและมีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งเป็นความท้าทายที่ทุกรัฐบาลต้องเผชิญ การตอบสนองของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต่อปัญหาเหล่านี้จึงไม่ได้เป็นการนิ่งเฉยตามที่ถูกกล่าวหา
1.การรุกล้ำชายแดนและการจัดการของรัฐบาล
ในช่วงที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี มีรายงานการละเมิด MOU พ.ศ. 2543 โดยฝ่ายกัมพูชา รวม 651 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงถนนและฐานปืนในพื้นที่ช่องอานม้า, การเคลื่อนกำลังทหารเข้าสู่พื้นที่ช่องบก และเหตุการณ์เผาศาลาตรีมุขพร้อมกับการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย 150 เมตร นอกจากนี้ ยังมีการปะทะกันทางทหาร เช่น เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ที่ช่องบกซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต และโจมตีอย่างต่อเนื่องหลังข้อตกลงหยุดยิงในวันที่ 28-29 ก.ค. 2568
l การตอบสนองของรัฐบาลไทยต่อเหตุการณ์เหล่านี้คือ
การประท้วงอย่างสม่ำเสมอ หลังการปะทะ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้มีการประชุมและตกลงที่จะถอนกำลังและใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) อย่างไรก็ตาม กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ที่ขัดแย้งกับข้อตกลงดังกล่าวในภายหลัง เมื่อเกิดการโจมตีด้วยอาวุธ กองทัพไทยมีความจำเป็นต้องป้องกันตนเอง ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เหมาะสม ได้สัดส่วน และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
l กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังกัมพูชา และใช้เวทีพหุภาคี เช่น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และอาเซียน เพื่อแก้ไขความตึงเครียด นอกจากนี้รัฐบาลยังใช้มาตรการควบคุมจุดผ่านแดน เช่น การจำกัดเวลาทำการและการปิดด่านบางจุดเพื่อจัดการความเสี่ยงด้านความมั่นคง
l ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าข้อกล่าวหาที่ว่าพลเอกประยุทธ์ “ปล่อยให้” มีการรุกล้ำเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะมีการละเมิดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง (651 ครั้ง) และประเทศไทยก็ได้มีการประท้วงและตอบโต้ทางทหารอย่างสม่ำเสมอ แต่ในทางกลับกัน การรุกล้ำซ้ำๆ นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายอย่างต่อเนื่องในการยับยั้งการละเมิดระดับต่ำในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดน
2.ข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิด MOU พ.ศ. 2543 และความไม่จริงใจ
MOU พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2000 เป็นกรอบการทำงานสำหรับการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก แต่ไม่ได้เป็นการกำหนดเขตแดนด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม การตีความที่แตกต่างกันระหว่างไทยและกัมพูชาได้ทำให้เกิดความขัดแย้ง
* ท่าทีของไทย :
ไทยเน้นย้ำว่า MOU พ.ศ. 2543 กำหนดให้การแก้ไขปัญหาต้องผ่านการเจรจาทวิภาคี โดย JBC เท่านั้น และไม่อนุญาตให้ใช้กลไกภายนอก เช่น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตาม MOU อย่างเคร่งครัดและไม่ได้เป็นฝ่ายทำให้การประชุม JBC หยุดชะงัก
* ท่าทีของกัมพูชา :
กัมพูชายืนยันว่าแผนที่ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการฝรั่งเศส-สยามเป็นพื้นฐานสำหรับการปักปันเขตแดน และเชื่อว่า MOU อนุญาตให้มีการส่งเรื่องไปยัง ICJ หากกลไกทวิภาคีหยุดชะงักเนื่องจากมีการละเมิดของไทย
ความแตกต่างนี้ทำให้ MOU กลายเป็น “รากเหง้า” ของปัญหา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าปฏิบัติตามในขณะที่กล่าวหาอีกฝ่ายว่าละเมิด การที่ไทยปฏิเสธเขตอำนาจศาลของ ICJ อย่างสม่ำเสมอสำหรับการปักปันเขตแดน ไม่ได้เป็นการขาดความจริงใจ แต่เป็นการเลือกทางยุทธศาสตร์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ในอดีตกับคำตัดสินของ ICJ ที่ไม่เป็นคุณในกรณีปราสาทพระวิหาร
3. ข้อกล่าวหาเรื่องบ่อนกาสิโนที่ช่องสายตะกู
บ่อนกาสิโนที่กำลังก่อสร้างอยู่บริเวณด่านช่องสายตะกูถูกกล่าวหาว่าตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยันว่าบ่อนกาสิโน
ตั้งอยู่ในฝั่งกัมพูชาอย่างชัดเจนและไม่ได้อยู่ในเขตแดนไทย
l ข้อกล่าวหาที่สำคัญคือ การก่อสร้างบ่อนกาสิโนซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2558-2559
สามารถดำเนินการได้หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจในปี 2557 ทั้งที่ความพยายามขออนุญาตก่อสร้างก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการอนุมัติ สิ่งนี้จึงเชื่อมโยงการก่อสร้างบ่อนกาสิโนโดยตรงกับรัฐบาล คสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์
l การมีอยู่ของบ่อนกาสิโนในพื้นที่ชายแดนที่อ่อนไหว
ได้ทำให้การบริหารจัดการชายแดนซับซ้อนขึ้น เพราะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่อาจขัดแย้งกับการอ้างสิทธิ์ในดินแดนอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บ่อนกาสิโนยังเกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงชายแดน เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทำให้หน่วยงานของไทยต้องสั่งให้รื้อถอนหรือลดเสาสัญญาณโทรศัพท์ในบริเวณใกล้เคียง
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี