4. การวิเคราะห์ภาพรวมและปัจจัยทางการเมือง
รัฐบาลไทยในสมัยพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลต่อมาได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย นโยบายที่ใช้คือ “รอบคอบรอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” โดยหลีกเลี่ยงการตอบโต้ทันทีในทุกกรณี แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสอดคล้องกับนโยบายที่ระบุไว้อย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีและการพึ่งพากลไกทวิภาคี
อย่างไรก็ตาม ปัญหาชายแดนมักถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองภายในประเทศของทั้งไทยและกัมพูชา
ในประเทศไทย อารมณ์ชาตินิยมสามารถถูกปลุกปั่นโดยกลุ่มฝ่ายขวาเพื่อแสดงภาพลักษณ์ของกองทัพในฐานะ “ผู้กอบกู้ชาติ” และเพื่อทำให้รัฐบาลพลเรือนเสื่อมเสีย รัฐบาลที่ถูกมองว่าประนีประนอมมากเกินไปในประเด็นชายแดนอาจเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่า “ขายชาติ” สิ่งนี้ทำให้การประนีประนอมที่รวดเร็วเป็นไปได้ยากและทำให้ข้อพิพาททอดยาวออกไป
นอกจากนี้ ข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลไทยและแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศที่เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่พลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังคงย้ำหลักการเดิมๆ ซึ่งบ่งชี้ถึงความต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งในนโยบายต่างประเทศของไทยเกี่ยวกับชายแดนกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ สิ่งนี้ทำให้ข้อโต้แย้งที่ว่าพลเอกประยุทธ์โดยเฉพาะ ขาดความจริงใจหรือปล่อยให้ปัญหาบานปลายอ่อนแอลง เนื่องจากแนวทางนโยบายดูเหมือนจะสอดคล้องกับรัฐบาลต่างๆ
5.บทบาทของกฎหมายระหว่างประเทศและกลไกบุคคลที่สาม
ประเทศไทยสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนผ่านกลไกทวิภาคีที่จัดตั้งขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะ JBC และปฏิเสธเขตอำนาจศาลของ ICJ สำหรับการปักปันเขตแดนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ในทางตรงกันข้าม กัมพูชาได้แสดงเจตนาซ้ำๆ ที่จะส่งเรื่องไปยัง ICJ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลไกทวิภาคีหยุดชะงัก ทั้งสองฝ่ายต่างใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “การเลือกเวที” (forum shopping) ซึ่งไม่ใช่แค่ความไม่เห็นพ้องต้องกันทางขั้นตอน แต่เป็นการเลือกทางยุทธศาสตร์ที่อิงตามผลลัพธ์ทางประวัติศาสตร์คำพิพากษาของ ICJ ในอดีตเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารได้กำหนดแนวทางของไทยในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนและความไม่เต็มใจที่จะยอมรับเขตอำนาจศาลของ ICJ ในอนาคตอย่างลึกซึ้ง
l บทสรุป
การประเมินข้อกล่าวหาของผู้ใช้ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้จัดการกับปัญหาชายแดนด้วยแนวทางที่สอดคล้องกับหลักการที่ยึดมั่นมายาวนานของไทย นั่นคือการปกป้องอธิปไตยผ่านการเจรจาทวิภาคีและตอบโต้เมื่อถูกละเมิดอย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น (ข้อพิพาทที่ต่อเนื่อง ความคืบหน้าในการปักปันเขตแดนที่ล่าช้า) ไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของสาธารณะในการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วและชัดเจน
ความท้าทายสำหรับรัฐบาลไทยใดๆ จึงไม่ใช่แค่การดำเนินนโยบายชายแดนที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสื่อสารความซับซ้อนของปัญหาและการจัดการความคาดหวังของสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ความจริงใจ” ของรัฐบาลสามารถตัดสินได้ไม่เพียงแค่จากเจตนาที่ระบุไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิผลที่รับรู้ได้ในการบรรลุข้อยุติที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องยากโดยธรรมชาติในข้อพิพาทที่ยืดเยื้อนี้รายงานสรุปนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้ที่สนใจติดตามประเด็นปัญหาชายแดไทย-กัมพูชา โดยมีคำแนะนำสำหรับการติดตามและทำความเข้าใจปัญหานี้อย่างรอบด้านและครอบคลุม
l สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
ควรติดตามความเคลื่อนไหวจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและเป็นทางการ เพื่อให้สามารถเข้าใจปัญหาได้อย่างรอบด้านและเป็นกลาง
1.ติดตามการทำงานของกลไกทวิภาคี
* คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) :
* คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) :
2.ติดตามท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
* คำแถลงและข่าวประชาสัมพันธ์ :
* การประท้วงและการดำเนินการทางการทูต :
3.ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการรุกล้ำและเหตุการณ์ชายแดน
* การรายงานข่าวจากพื้นที่ :
* ความรุนแรงและการตอบโต้ :
4.ทำความเข้าใจประเด็นทางกฎหมายและประวัติศาสตร์
* MOU พ.ศ. 2543 และการตีความที่แตกต่างกัน : ทำความเข้าใจว่าทำไม MOU ฉบับนี้จึงกลายเป็น “รากเหง้า” ของความขัดแย้ง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแผนที่ที่ใช้และกลไกการระงับข้อพิพาท
* คำพิพากษาของ ICJ :
ทบทวนประวัติศาสตร์ของคำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารในปี พ.ศ. 2505 และ พ.ศ. 2556 ซึ่งเป็นรากฐานของท่าทีของไทยในการปฏิเสธเขตอำนาจศาลของ ICJ ในประเด็นการปักปันเขตแดน
5.เฝ้าระวังปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ
* การเมืองภายในประเทศของไทยและกัมพูชา :
ควรตระหนักว่าข้อพิพาทชายแดนมักถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองภายในประเทศของทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความจริงใจที่รับรู้ได้ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
* อิทธิพลของกระแสชาตินิยม :
ควรเฝ้าระวังวาทกรรมชาตินิยมที่อาจถูกใช้เพื่อปลุกปั่นความตึงเครียดและจำกัดทางเลือกในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ การจัดการกับความคาดหวังของประชาชนในเรื่องการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี