ณ ประเทศสารขัณฑ์ได้เกิด “3 มิติสงคราม” จนกลายเป็น “ข่าวดังสุดปังในรอบ 3 ทศวรรษ” เป็นรายการ ราวีด้วยขีปนาวุธทางกฎหมาย ระหว่างประชาชนที่เป็น “สีทนไม่ได้” กับพฤติกรรมทุศีลของสองพ่อลูก

สงครามครั้งนี้ มีท่านเปาจาก 3 ศาลเป็นกรรมการตัดสินชี้ขาดแต่ละ “แนวรบ”ฝ่ายใดแพ้และฝ่ายใดชนะ ดังนี้

“แนวรบที่ 1” ได้แก่ “ศึกคดี 112” โดยโยคีศานติศีลปากไวถูกดำเนินคดีทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เกาหลีใต้

หลังจากอัยการสั่งฟ้อง ศาลอาญา(ศาลชั้นต้น)ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา “ยกฟ้องคดีนี้อย่างอัศจรรย์” จนทำให้โยคีหัวเราะร่า พร้อมกับกระโดดตัวลอยขึ้นฟ้าทะลุเมฆอย่างดีใจ แถมประกาศก้องว่า “ต่อจากนี้ไปตูข้าจะทำงานช่วยชาติ”

เล่นเอาชาวสารขัณฑ์ต่าง “งงเป็นไก่ตาแตก” คิดไม่ถึงจริงๆ ที่โยคีผู้ทุศีล “ทำทุกสิ่งเพื่อตัวเองมาตลอด จะกล้าบอกว่า ทำเพื่อชาติ”

“ช่างกอมบาวก์ได้เหนือชั้นกว่า Hunt Cent เพื่อนน้ำมิตร”“คดีนี้ ยังไม่สะเด็ดน้ำ” เพราะยังมีศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาที่จะทำ “นิติสงครามแนวรบนี้ยืดเยื้อต่อไป”

“แนวรบที่ 2” ได้แก่ “คดีจริยธรรมอย่างร้ายแรง” สืบเนื่องมาจาก “คลิปมหาภัย” ที่มาดามเฟียสคุยกับอังเคิลฮุนที่เสี่ยงภัยจะเป็น “ผู้ขายชาติ” จนทำให้ “36 สว.ประกาศนิติสงครามกับมาดามเฟียส”

“29 สิงหาคม” นี้แล้ว ที่ 9 ท่านเปาจากศาลรัฐธรรมนูญจะลงมติว่า “มาดามขายชาติหรือไม่?”

แนวรบนี้ มาดามเฟียสจะ “รอดตุยอ๊ะป่าว?”

“แนวรบที่ 3” ได้แก่ “คดีป่วยทิพย์ ชั้น 14” เกิดจาก “กองแช่ง” หลายฝ่าย “ใช้ขีปนาวุธทางกฎหมาย ถล่มโยคีศานติศีลจอมอาคม แปลงร่างจากนักโทษเป็นเทวดา ป่วยทิพย์อยู่ชั้น 14 ณ วิมานดาว 8 แฉกแทนถูกจำขังในเรือนจำอย่างสุดกล้า”

“วันที่ 9 กันยายน” นี้ ถ้าท่านเปาตัดสินว่า “โยคีป่วยทิพย์จริง”ว่ากันว่า ผู้จะต้อง “ตุยแทนโยคี” ก็คือข้าราชการระดับบิ๊ก บิ๊ก และไม่บิ๊กทั้งหลายที่ “ช่วยให้โยคีป่วยทิพย์”

ส่วนโยคีจอมกอมบาวก์ ก็ได้แต่ตอแหลกระแตวับว่า ตนอยู่เฉยๆ หมอ และข้าราชการยุติธรรมทั้งหลาย ต่างมาช่วยกัน “อุ้ม” ให้โยคี “ต้องป่วยวิกฤต”แล้วไปอยู่บนวิมาน ชั้น 14 แทนอยู่เรือนจำ

โยคีท่องแต่คาถา “โยคีไม่รู้ โยคีถูกอุ้ม” จะทำให้โยคีไม่ต้องถูกศาลสั่งไปเข้าคุกอีกครั้งหรือไม่ ต้องติดตามพะยะค่ะ?

“3 นิติสงคราม” จะเป็นการ “ยุติวิกฤตชาติหรือไม่? หรือจะเป็นวิกฤตใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเก่า?”

“ชาวสารขัณฑ์” ทุกผู้นาม ต่าง “วิตกยิ่งกว่าสงครามอาวุธระหว่างขอมดำดินกับสารขัณฑ์เสียอีก”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม