ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องน้ำมายาวนานหลายทศวรรษ และปัญหานี้ก็ยังดำเนินต่อไป โดยยังมองไม่เห็นจุดจบของปัญหา ถามว่าทำไมประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งๆ ที่มีหน่วยงานดูแลจัดการเรื่องน้ำมากมายหลายหน่วย แต่ทว่าเมื่อดูๆ ไปแล้ว ก็เสมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง
เอาเป็นว่าหากจะไล่ชื่อหน่วยงานที่แก้ปัญหาเรื่องน้ำในไทยแล้วละก็ รับรองว่าไม่สามารถพูดชื่อได้หมดภายในระยะเวลาสั้นๆ เพราะมันมีมากจนเกินจะจดจำได้โดยง่าย แต่การที่มีหน่วยงานมากมายรกเรื้อ แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้ ก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า มีประโยชน์อะไรกับการตั้งหน่วยงานมากมายแต่แก้ปัญหาไม่ได้ ตั้งเพื่อล้างผลาญงบประมาณแผ่นดิน ใช่หรือไม่ หรือตั้งเพื่อเปิดโอกาสให้มีการทุจริตโกงกินได้อย่างสะดวก โดยแยกกันกินแยกกันโกงไปตามแต่ละหน่วย
ต้องบอกตรงๆ ว่าการมีหน่วยงานมากมายรกรุงรัง แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป เพราะสิ้นเปลืองงบฯ และเปล่าประโยชน์ ต้องบอกว่าน่าสมเพชประเทศไทยเสียเหลือเกินที่มีหน่วยงานดูแลเรื่องน้ำมากมาย แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้แม้แต่น้อย
หากย้อนกลับไปทบทวนความเสียหายอันเกิดจากปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งในประเทศไทยในระยะเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ก็จะพบว่าประสบปัญหาจากอุทกภัยรุนแรงและสาหัสมากขึ้นและยาวนานขึ้น จากตัวเลขสถิติพบว่าคนไทยจำนวน 4.5 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในแต่ละปี ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างน้อย 4.8 พันล้านบาทต่อปี ส่วนปัญหาภัยแล้งสร้างผลกระทบต่อคนไทยปีละอย่างน้อย 8.4 ล้านคน ก่อความเสียหายเฉลี่ยปีละ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่นับความเสียหายที่เกิดจากไฟป่า แผ่นดินไหว สึนามิ (แต่สึนามิไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ) มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 รวมถึงภัยหนาว วาตภัย และดินโคลนถล่ม เป็นต้น
ยิ่งนับวันผลกระทบด้านลบจากภัยธรรมชาติที่เกิดกับไทยก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น แต่มาตรการป้องกันและแก้ปัญหากลับไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอกับการรับมือในปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กลับเกิดปัญหาซ้ำซากตลอดเวลา มีตัวเลขสรุปว่าตั้งแต่ปี 2547 ถึง เดือนกันยายน 2567 ไทยต้องสูญเสียเพราะปัญหาภัยพิบัติไปแล้วประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติรวม 95 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนี้ เกิดปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง คิดเป็น 67 เปอร์เซ็นต์ของเหตุภัยพิบัติทั้งหมด มีผู้ได้รับผลกระทบ 68 ล้านคน เสียชีวิต 10,549 ศพ บาดเจ็บ 8,685 คน
แต่หากดูเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 พบว่าสร้างความเสียหายมากถึง 1.87 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ หากอ้างตัวเลขสถิติจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2567 พบว่า ภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุด เพราะทำให้ประชาชน 151 ล้านคน จาก 42 ล้านครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอย่างหนัก ส่วนปัญหาอุทกภัยสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจหนักมากที่สุดคือ 7.6 หมื่นล้านบาท
เมื่อดูเฉพาะความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมในปี 2567 พบว่า เสียหายไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 0.16 เปอร์เซ็นต์ของ GDP และปัญหาที่ตามมาหลังเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่คือการสูญเสียงบประมาณแผ่นดินเพื่อฟื้นฟูบูรณะบ้านเรือนสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย ถนนหนทาง ระบบสาธารณูปโภค และสาธารณสมบัติ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวการก่อให้เกิดหนี้สินจำนวนมหาศาลตามมา แล้วยิ่งในปัจจุบันพบว่ามีความรุนแรงของภัยพิบัติต่างๆ มากกว่าเดิมหลายเท่าซึ่งก็หมายความว่าต้องสูญเสียงบประมาณเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตามไปด้วย แต่หากรัฐบาลยังไม่มีปัญญาป้องกันปัญหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในอนาคต ก็หมายความว่าเราจะต้องสูญเสียทั้งเงินตราและชีวิต รวมถึงทรัพย์สินของประเทศและของประชาชนต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี