งาน “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ของพรรคเพื่อไทย ผ่านไปแบบไม่ค่อยจะสร้างความประทับใจได้มากนัก ไม่ว่าจะมองจากสายตากองเชียร์ หรือคนทั่วไป นักวิจารณ์คอการเมืองหลายคนถึงกับบอกว่า ไม่เห็นว่าเหมือนการยกเครื่องตรงไหน ทั้งรูปแบบเนื้อหาล้วนเดิมๆ บางคนถึงกับเปรียบเทียบว่ามองจาก “วอลล์เปเปอร์”ที่เรียงรายอยู่ข้างหลัง “แพทองธาร ชินวัตร” ล้วนแล้วเป็น “อะไหล่เก่า” ทั้งสิ้น เรียกได้ว่าเก่าทั้งตัวถังทั้งเครื่องยนต์
ที่น่าผิดหวังสุดๆ คือ สปีชของ “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ยังสวมบทหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งแม้จะดูคล่องแคล่วขึ้น แต่เนื้อหากลับวกวนอยู่ในกรอบคิดแบบเดิม ที่พยายามโยนสาเหตุแห่งความผิดพลาดล้มเหลวไปที่อื่น ยกตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้องชอบธรรม เก่งเลิศเลอ แต่โดนสกัดกั้นรังแก ทั้งที่หัวใจของการ “ยกเครื่อง” คือต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง ยอมรับความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาแนวทางก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ย่ำเท้าอยู่กับเงามืดของอดีต
บางช่วงบางตอนในสปีช ของ “แพทองธาร” ที่ได้รับเสียงวิจารณ์มากที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่พูดถึง “ชะตากรรม” ของพรรคเพื่อไทย โดยการเล่าเรื่องมัดรวมไปกับชะตากรรมของ “ชินวัตร”
“แพทองธาร” บอกว่า “เรา(พรรคเพื่อไทย) เป็นพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมมากที่สุด และต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองสาหัสที่สุด โดนรัฐประหารไปแล้ว 2 ครั้ง ถูกยุบไปแล้ว 2 พรรค กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์เกือบ 200 ปลดนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง 6 คน โดยผู้ก่อรัฐประหารไม่ต้องคดี แต่ผู้ก่อตั้งพรรค(ทักษิณ ชินวัตร)ถูกจองจำ”
ข้อความข้างต้นสกัดเนื้อหาออกมาได้ว่า1. “แพทองธาร” ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นโดย “ทักษิณ ชินวัตร” และยัง “เป็นของชินวัตร” ตกทอดมาถึงรุ่นลูก คือตัวเอง 2.ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ดีที่สุดมีผลงานมากที่สุดแต่โดนสกัดกั้นรังแกอย่างไม่ชอบธรรม
ในตอนท้ายของสปีช “แพทองธาร”โชว์วิสัยทัศน์สวยหรูเหมือนก๊อบปี้มาจากหนังสือฮาวทู วิธียกเครื่ององค์กร ว่า “พรรคเพื่อไทยต้องกล้าที่จะทบทวนสิ่งที่ขาดหาย เสริมจุดแข็ง สรุปบทเรียน และเปลี่ยนแปลงจากภายใน เพื่อเตรียมพร้อมสู่สนามการเมืองที่เข้มข้นกว่าเดิม เพราะถ้าเราสามารถเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยได้ เราก็สามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน”
แต่ขณะเดียวกัน “แพทองธาร” ผู้สืบทอดจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย กลับยังย่ำอยู่กับวาทกรรมเก่าๆ ว่า พรรคเพื่อไทยมาถึงจุดตกต่ำถึงขนาดต้องยกเครื่อง เพราะโดนรังแก ไม่ได้ตกต่ำลงเพราะพฤติกรรมของตัวเอง สวนทางกับชุดความคิดที่ตกผลึกของสังคมไทยหลังผ่านความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ว่า ชะตากรรมที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย รวมถึงชะตากรรมของ “ผู้ก่อตั้ง” และ “ลิ่วล้อ” ล้วนมาจากพฤติกรรมบิดเบี้ยวทางจริยธรรมของตัวเองทั้งสิ้น
“แพทองธาร” บอกด้วยว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีใหม่ชื่อ “เวทีตาดูดาว เท้าติดดิน (Moonshot Forum)” เพื่อศึกษา วิจัย และค้นหาทางออกใหม่ของประเทศในยุคที่โลกเผชิญความผันผวนทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
“นี่ไม่ใช่แค่เวทีพูดคุยทั่วไป แต่คือการตั้งเป้าหมายใหญ่เหมือนโครงการอพอลโลที่ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ เราจะคิดให้ใหญ่ เพื่อเปลี่ยนประเทศอย่างก้าวกระโดด”
หากยังไม่สามารถแม้กระทั่งทบทวนตัวเอง ยอมรับความจริงอย่างตรงไปตรงมาว่าความตกต่ำล้วนเกิดด้วยสนิมจากเนื้อใน ยังหลงวกวนหลงอยู่ในเงามืดของตัวเอง อย่าเพิ่งไปนึกถึงยานอพอลโล กับดวงดาวเลย แค่เอา สส.กลับเข้าสภา ได้สักครึ่งของที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ประกาศไว้ก็หนักหนาสาหัสแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี