วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ประเทศไทยนั้นไม่ได้มีการปฏิรูปโครงสร้างใหญ่ของชาติบ้านเมืองกันอย่างจริงจัง จึงทำให้ปัญหาชั่วร้ายทั้งหลายเกิดขึ้นจากผู้บังคับใช้กฎหมาย คือข้าราชการและนักการเมืองที่เข้าไปบริหารประเทศ และเป็นปัญหาที่ต้องถอดบทเรียนกันแบบซ้ำซาก
รากเหง้าของปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และอาชญากรรมสีเทาทั้งหลายที่เกิดขึ้นและมีอยู่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ไม่เพียงแต่จะไม่หมดไปเท่านั้น หากแต่ยังหยั่งรากครอบคลุมแผ่ขยายออกไปไม่รู้จักหมดจักสิ้นนั้น ก็คือ ข้าราชการประจำในฐานะผู้รักษากฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมาย กับนักการเมืองที่เข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ กระทำการฉ้อฉลทุจริตคดโกงเสียเอง
ปัญหา“สแกมเมอร์”ที่เป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยซึ่งก้าวล้ำตามยุคสมัย อันเป็นปัญหาใหญ่เฉพาะหน้า ที่ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปีเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่เป็นวาระของทุกชาติบนโลกใบนี้จะต้องร่วมมือกันปราบปรามอย่างจริงจัง จึงจะสามารถล้างให้สิ้นซากชนิดถอนรากถอนโคนได้
สำหรับบ้านเรานั้น เพราะอยู่ใกล้“รังใหญ่สแกมเมอร์”ที่อยู่ในกัมพูชา จึงต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างที่โถมเข้ามาจากทั่วสารทิศ ซึ่งรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยเฉพาะนายอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องถือว่าได้“ทุกขลาภ” คือได้เป็นรัฐบาลและได้เป็นนายกรัฐมนตรีในโอกาสนี้ พร้อมกับปัญหา“สแกมเมอร์”อันเป็นปัญหาใหญ่หลวง ที่หมักหมมสะสมจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยติดพ่วงมาด้วย
เวลานี้จึงเห็นรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีกูล ถูก“รุมกินโต๊ะ” ทั้งจาก สส.พรรคการเมืองฝ่ายค้าน คือพรรคประชาชน และ สส.พรรคการเมืองฝ่ายแค้น คือพรรคเพื่อไทย รวมทั้งจากภาคประชาชน ราวกับว่านายอนุทินเป็นพระวิษณุ หรือพระนารายณ์อวตารลงมาจากฟากฟ้า เพื่อมาปราบยุคเข็ญที่เกิดจากภัย“สแกมเมอร์”
การเคลื่อนไหวของภาคเอกชน เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น อาจจะไม่มีหรือมีก็มีน้อย จากการ“ปูด”ชื่อนักการเมืองและรัฐมนตรีว่าพัวพันกับแก๊ง“สแกมเมอร์” และมีการจี้ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ“บอร์ดปราบปรามสแกมเมอร์”เร่งดำเนินการ
แต่ สส.พรรคฝ่ายค้าน และ สส.พรรคฝ่ายแค้น กลับเพิ่งมาโหมกระหน่ำเมื่อเข้าโค้งการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในปีหน้าตาม“MOA”ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ซึ่งจากคำยืนยันของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็คือ ยุบสภาฯภายในวันที่ 31 มกราคมปีหน้า
ดังนั้น จึงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก สส.ทั้งสองพรรคนี้เคลื่อนไหวหาแสงหวังจะตีกิน เพื่อหาคะแนนนิยมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น โดยหาความจริงใจอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ว่าไปแล้ว คือ“สันดาน”ที่แท้จริงของนักการเมืองบ้านเรา ที่อ้างประเทศชาติและประชาชนหากิน
อย่าง“รังสิมันต์ โรม” สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ฯ ในสภาผู้แทนราษฎร จะเห็นว่าการเคลื่อนเกี่ยวกับปัญหา“สแกมเมอร์” สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นั้น“เงียบกริบ” เพิ่งจะมาเห็นความเคลื่อนไหวอย่างโหมกระหน่ำเป็นข่าวได้ทุกวัน ก็ในยุครัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ชุดนี้
“รังสิมันต์ โรม” อ้าปากทีไร ก็มักจะเรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เอาจริงกับการปราบปรามขบวนการแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ พร้อมทั้งโจมตีว่าประเทศไทยโดยรัฐบาลของนายอนุทินดำเนินการปราบปรามล่าช้า และไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
มิหนำซ้ำ สส.รังสิมันต์ โรม ยังพูดแบบเอาหล่อว่า “บอร์ดปราบสแกมเมอร์”ที่นายอนุทินตั้งขึ้นมา เป็นเพียงการ“ซื้อเวลา”เท่านั้น โดยไม่เห็นความจริงจังในการทลายเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับบุคคลใกล้ชิดผู้นำกัมพูชาแต่อย่างใด
ด้วยเหตุดังนั้น คนไทยส่วนใหญ่จึงเกิดความสงสัยและมีข้อกังขาว่า 2 ปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งปัญหา“สแกมเมอร์”มีอยู่ก่อนแล้ว นายรังสิมันต์ โรม และพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน ไป“มุดรู”อยู่ที่ไหน จึงไม่ควบคุมตรวจสอบรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่กลับมาเรียกร้องรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เพิ่งจะปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นวันแรก หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น นับจนถึงวันนี้เพียงแค่ 1 เดือน 5 วันเท่านั้น
เช่นเดียวกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศจะเป็นผู้นำด้านการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในระดับโลก แต่กลับทำได้เพียงสร้างภาพ ขาดการปฏิบัติจริง ทั้งที่ปัญหาดังกล่าวเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชื่อเสียงประเทศ
พร้อมกันนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ของรัฐบาล“แพทองธาร ชินวัตร”ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ยังบอกว่า รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เพิ่งจะบริหารประเทศได้เพียงแค่หนึ่งเดือนกลับห้าวัน ปล่อยให้เรื่อง“สแกมเมอร์”กลับมาเป็นปัญหาใหญ่อีกครั้ง และว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ“แพทองธาร” สามารถลดความเสียหายลงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 14,500 ล้านบาทต่อปี
บรรทัดนี้คงพูดได้แต่เพียงว่า เกิดเป็นคนไทยนั้นมีกรรมจริงๆ จะหานักการเมืองและพรรคการเมืองที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้ แทบไม่มีเอาเสียเลย จะมีก็แต่กะล่อนปลิ้นปล้อนโดยสันดานเป็นส่วนใหญ่ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

โยกงบ3.5หมื่นล.วุ่น ‘อนุทิน’พร้อมแจงป.ป.ช. เจตนาสุจริตมั่นใจถูกก.ม.
อุตุฯเตือนฝนถล่ม กทม.-ปริมณฑล ผู้ว่าฯสั่งพร่องน้ำ รับมือน้ำท่วมกรุง
‘บิ๊กดุลย์’บี้โควตาหวย เล็งถก3ฝ่ายสางปัญหา
‘บิ๊กเล็ก’กร้าว ลุยทวงคืน‘ปราสาทตาควาย’ เขมรไม่ยอมกองทัพไม่จบแน่
‘แอลลี่ อชิรญา’ ทะยานสู่ฮอลลีวูด! เปิดตัวร่วมแสดงหนัง K-Pop ระทึกขวัญ 'Perfect Girl'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี