วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” ของฝ่ายค้านในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เพียงหน้าที่เชิงพิธีกรรม แต่คือหัวใจสำคัญของการคานอำนาจ ตรวจสอบฝ่ายบริหาร และหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้การใช้อำนาจอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและความโปร่งใส ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งย่อมทำให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารด้วยความประมาทหรือหลงอำนาจได้ และในทางกลับกัน หากฝ่ายค้านทำหน้าที่เพียงครึ่งเดียว หรือใช้การตรวจสอบเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง ผลลัพธ์ก็จะไม่ต่างจากการเปิดฉาก “สงครามน้ำลาย” ที่ไม่มีเป้าหมายเพื่อประชาชนเลยแม้แต่น้อย
การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ต้องตั้งอยู่บน “ข้อมูลและหลักฐาน” ที่หนักแน่น เชื่อถือได้ และสามารถนำไปสู่กระบวนการเอาผิดได้จริง ทั้งในทางกฎหมายและทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโปงการทุจริต การเอื้อประโยชน์ หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ หากฝ่ายค้านทำได้เช่นนี้ ประชาชนจะเห็นว่าการตรวจสอบไม่ใช่แค่การดิสเครดิต แต่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และยกระดับมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจ
แต่ในทางกลับกัน หากการตรวจสอบถูกใช้เป็นเพียงเวทีเรียกแสง สร้างกระแส หรือ “ตีกิน” เพื่อคะแนนนิยมส่วนตัว หรือหวังผลให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายทางการเมืองโดยไร้ข้อเท็จจริง นั่นไม่ใช่การตรวจสอบที่แท้จริง แต่คือการใช้สิทธิในระบบประชาธิปไตยอย่างบิดเบือน และสุดท้ายสิ่งที่เสียหายคือความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการเมืองทั้งหมด
กรณีที่พรรคประชาชนออกมาเปิดประเด็นเรื่อง “ขบวนการสีเทา” และการทุจริตในหลายหน่วยงานถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะสะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายค้านยังจับตาการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด แต่ในขณะเดียวกัน สังคมก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามกลับว่า-เมื่อพรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีเสียง สส. อันดับหนึ่งในสภา ทำไมจึงเลือกจะ “อยู่ข้างนอก” มากกว่า “เข้าไปทำจริง” ในรัฐบาล? ทำไมไม่ใช้โอกาสในการเข้าร่วมบริหารประเทศกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อแก้ไขปัญหาที่ตนเองกล่าวหาว่าร้ายแรงอย่างแท้จริง
การเลือก “ยกมือให้ภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย” แล้วตัวเองถอยออกไปอยู่วงนอก คอยวิพากษ์วิจารณ์ทุกการตัดสินใจของรัฐบาล ย่อมทำให้เกิดคำถามว่า การตรวจสอบนั้นเกิดจากความจริงใจ หรือเกิดจากความต้องการสร้างภาพลักษณ์ “พระเอกของประชาชน” ที่อยู่เหนือการเมืองกันแน่
และเมื่อแกนนำพรรคประชาชนออกมายอมรับเองว่า แคมเปญการเลือกตั้งครั้งต่อไปของพรรคคือคำว่า “มีส้ม ไม่มีเทา” ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ปลายทางของการเปิดประเด็น “สีเทา” ครั้งนี้ แท้จริงแล้วอาจไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดการปราบปรามหรือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง หากแต่เป็นการปูทางทางการเมือง เพื่อสร้างกรอบความคิดให้ประชาชนเห็นว่าฝ่ายตนคือผู้บริสุทธิ์ ส่วนฝ่ายอื่นล้วน “เทา” ทั้งสิ้น เป็นยุทธวิธีที่เน้นผลทางเลือกตั้ง มากกว่าผลทางการบริหารประเทศ
ในท้ายที่สุด การตรวจสอบที่ดีต้อง “ไปให้สุด” -สุดในแง่ของความจริง ความถูกต้อง และความรับผิดชอบ ไม่ใช่สุดเพียงในแง่ของกระแสหรือคะแนนนิยม เพราะเมื่อการตรวจสอบกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ประชาชนจะไม่ได้รับความจริง แต่ได้เพียง “ละครการเมือง” ที่แสดงกันบนเวทีสภา
ฝ่ายค้านที่ดีต้องกล้าตรวจสอบ “อย่างสุดทาง” และรัฐบาลที่ดีต้องกล้าให้ตรวจสอบ “อย่างเปิดเผย” เพราะสุดท้ายแล้ว การตรวจสอบไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายกัน หากแต่มีไว้เพื่อยกระดับประเทศให้ดีกว่าเดิม
หากหยุดเพียงแค่ผลทางการเมือง ประเทศก็จะวนอยู่ในวังวนเดิม-รัฐบาลที่บริหารด้วยความหวาดกลัว ฝ่ายค้านที่ตรวจสอบด้วยอคติ และประชาชนที่สิ้นศรัทธาต่อทั้งสองฝั่ง ถึงเวลาที่การตรวจสอบต้อง “ไปให้สุด” ในทางของความจริงมิใช่สุดแค่ในทางของผลประโยชน์ทางการเมือง

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี