วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เพิ่งจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยยังไม่ถึง 3 เดือน สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ได้โชว์บทบาทบนเวทีโลกสมศักดิ์ศรีของประเทศไทย ทั้งเวทีอาเซียนและการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และเวทีเอเปกที่เกาหลีใต้ เพราะ แม้แต่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านยังให้คะแนนนายกรัฐมนตรีสอบผ่านบนเวทีโลก
สำหรับภารกิจการเยือนต่างประเทศล่าสุดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล คือ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปเยือนสิงคโปร์ หารือกับ ลอว์เรนซ์หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ การเยือนครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสิงคโปร์ ทั้งยังสะท้อนมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสองประเทศที่มีมาก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือระหว่างกันมีความก้าวหน้าอย่างรอบด้าน และเห็นพ้องจะผลักดัน “ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่มองไปข้างหน้า” (forward-looking strategic partnership) เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัล และความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพของอาเซียนโดยรวม
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน นายกรัฐมนตรีไทยและสิงคโปร์ต่างเห็นพ้องว่าเป็นแนวทางของอนาคต ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายเดียวกันในการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยทั้งสองฝ่ายยินดีต่อการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นฉบับแรกของสิงคโปร์ในอาเซียน และเห็นควรให้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด สนับสนุนโครงการไฟฟ้าเชื่อมโยงระยะที่ 2 ระหว่างลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์เพื่อส่งเสริมโครงข่ายพลังงานอาเซียน
ด้านเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานสีเขียว ทั้งสองฝ่ายยินดีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุตสาหกรรมสีเขียวและสนับสนุนการลงทุนร่วมด้านเทคโนโลยีสะอาด
นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงด้านความมั่นคงทางอาหาร ด้านการลงทุน ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ความร่วมมือด้านฟินเทค ด้านสาธารณสุข ด้านแรงงาน ด้านความมั่นคง ด้านการต่อต้านอาชญากรรม ข้ามชาติ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอรับความร่วมมือในการทำงานร่วมกับสิงคโปร์อย่างใกล้ชิดในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ และขอให้สิงคโปร์เป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งกับไทยในการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงขยายเครือข่ายข่าวกรอง การฝึกอบรม และปฏิบัติการร่วมกัน
คงจำกันได้ว่าก่อนนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือน รัฐสภาสิงคโปร์ลงมติผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อเพิ่มโทษ “การเฆี่ยนด้วยไม้เรียว” สำหรับผู้กระทำความผิดในคดีหลอกลวงและผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ ตามกฎหมายฉบับใหม่ ผู้กระทำผิดฐานหลอกลวงสมาชิกขบวนการ หรือผู้จัดหาบุคคลเข้าร่วมขบวนการ อาจถูกลงโทษโบยตั้งแต่ 6 ถึง 24 ครั้งขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของคดี นอกจากนี้ ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในการกระทำผิด อาทิ การจัดหาซิมการ์ดหรือบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการหลอกลวง ก็จะถูกลงโทษในลักษณะเดียวกัน
สำหรับโทษการโบยการเฆี่ยน(ในที่สาธารณะ)นั้นของไทยมีมาแต่โบราณ และมีการยกเลิกไปแล้วหากรัฐบาลไทยจะแก้ไขกฎหมายหยิบยกการลงโทษแบบโบราณมาใช้ ก็น่าจะสร้างความขยาดหวาดกลัวให้กับมิจฉาชีพได้บ้าง

‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด
นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้
'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก'เหนือ'ออก'อ่าวไทย'
'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'
เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี