ในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งนั้น นอกเหนือจากรัฐบาล และฝ่ายกองทัพต้องพร้อมสูงสุดแล้ว สงครามข้อมูลข่าวสาร หรือแนวรบออนไลน์ก็เป็นอีกอาวุธสำคัญที่จะชี้ขาดสถานการณ์ พลิกผันสร้างความได้เปรียบ หรือเสียเปรียบคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การทหาร หรือทางการทูต
ช่วงก่อนรบ และหลังรบในสมรภูมิ5 วันปะทะรอบแรก เราก็พอจะมองเห็นการทำสงครามออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชามาแล้วเป็นอย่างดีว่าชั่วช้าสามานย์แค่ไหน กว่าที่เราจะตั้งหลักได้ และเริ่มตอบโต้โดยใช้หลักการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และการตั้งคำถามต่อข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อกระชากลากไส้การบิดเบือนข่าวสารนั้น ภาพลักษณ์ฝ่ายไทยก็เสียหายไปไม่น้อย
กรณีการตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย แต่กัมพูชาได้กล่าวอ้างว่าทหารไทยได้เหยียบทุ่นระเบิดที่วางไว้เอง ทั้งอ้างว่าเป็นของเก่าตกค้างยุคสงครามกลางเมืองที่ยังเก็บกู้ไม่หมดหรืออย่างกรณีที่บ้านหนองหญ้าแก้วคือภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า แนวรบออนไลน์ฝ่ายกัมพูชาทั้งผู้นำ ภาครัฐ ประชาชนและสื่อเล่นกันอย่างเป็นระบบ
ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าว คือ การบิดเบือนอย่างน่าละอาย เพราะในที่สุดแล้วข้อเท็จจริงนั้นก็วกกลับไปประจานความกะล่อน ความปลิ้นปล้อนของฝ่ายกัมพูชาเสียเอง อย่างกรณีทุ่นระเบิด หลังจากสำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย ได้แก้ไขข้อผิดพลาด พร้อมยืนยันรายงานของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ AOT ระบุชัดเจนว่า เป็นทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่า
หรือกรณีทหารเขมรสร้างสถานการณ์ยิงปะทะที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ได้ถูกหลายฝ่ายรวมถึงกองทัพไทย พบพิรุธหลายประการ เช่น ศพที่อ้างว่าถูกยิงเสียชีวิตรีบเผาทันทีในคืนนั้นโดยไม่มีการชันสูตรพลิกศพก่อน เหมือนเป็นการจงใจปกปิดหลักฐานที่ได้บิดเบือนไว้ทั้งที่คณะ AOT อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหลักฐาน ก็ไม่ได้เปิดให้ดู อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีศพจริง
รวมทั้งการปรากฏคลิปการให้สัมภาษณ์ของผู้อำนวยการโรงพยาบาลสาธารณสุขจ.บันเตียเมียนเจย ขณะต้อนรับคณะ AOT เข้าเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บและระบุว่า “จากเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บจำนวน3 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต ขอให้สื่อได้นำเสนอข่าวที่ถูกต้องต่อสังคม” ซึ่งถือว่าขัดแย้งกับการนำเสนอข่าวของทางการกัมพูชาอย่างชัดเจน
อีกหนึ่งข้อพิรุธก็คือ ภาพที่อ้างพลเรือนกัมพูชาได้รับบาดเจ็บ และนำส่งโรงพยาบาล พบว่าไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยบาดแผลที่เกิดจากอาวุธปืนทางทหารในระยะ 500 – 800 เมตร จะต้องมีลักษณะฉกรรจ์และรุนแรงกว่าภาพที่ปรากฏในข่าวรวมทั้งภาพที่โรงพยาบาล ผู้บาดเจ็บกลับมีรอยยิ้มและอาการที่ไม่เหมือนถูกยิงจากอาวุธปืนแต่อย่างใด
นี่คือ สถานการณ์หน้างานวันนี้ เห็นได้ว่ากัมพูชายังใช้ลูกเล่นเดิมๆ จัดฉาก สร้างสถานการณ์ใช้สื่อโซเชียลประโคมข่าวเท็จใส่ร้ายไทย โดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย ดังนั้น ถึงแม้เราจะรู้สันดานเป็นอย่างดี แต่ไม่ควรประมาท และถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาล และทุกๆ ฝ่ายต้องออกแรงช่วยกันแบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้องลากไส้เขมรการละครออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก

ย้ำ‘ทรัมป์’ไม่ใช้ ‘ปฏิญญา’เป็นเงื่อนไขถกภาษี ‘อนุทิน’คุย‘อันวาร์’ ขอให้ไทยลุยเก็บกู้ระเบิด พณ.พร้อมเดินหน้าเจรจา
อยุธยาดับ19ศพ เซ่นน้ำท่วม-เตือนรับมือหนาว
ภท.ท้าซักฟอก เปิดอภิปรายม.152ไม่ลงมติ ‘โสภณ’ลั่นไม่กลัวตรวจสอบ
‘นิด้าโพล’ภาคกลาง ‘เท้ง’นำแคนดิเดตนายกฯ ทิ้งช่วงห่าง‘เสี่ยหนู-อภิสิทธิ์’
จับแก๊งส่งยาลงใต้ ยาบ้า1.3ล้านเม็ด ยึดทรัพย์กว่า10ล.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี