วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
กรรม...ที่ ‘ทักษิณ’ กำลังชดใช้

ดูทั้งหมด

  •  

“ทักษิณ ชินวัตร” เคยยิ่งใหญ่มากบนแผ่นดินไทย ยิ่งใหญ่ด้วยอำนาจเงินกับอำนาจรัฐ แต่เขาพลาด ตรงที่เอาอำนาจรัฐไปเพิ่มพูนเงินของตนจนล้ำเส้นกฎหมาย สุดท้าย หนีไปอยู่ต่างประเทศจนกระทั่งกลับมาเมืองไทย แล้วต้องเข้าคุก

ระหว่างติดคุก ก็ตุกติกหลีกเลี่ยง แต่ท้ายที่สุดก็หนีความจริงไม่พ้น ต้องเข้ารับโทษจำคุก 1 ปี ตามพระบรมราชโองการจนได้ ล่าสุดยังเจอคำตัดสินยึดทรัพย์และอัยการอุทธรณ์คดี 112 เพิ่มอีก นี่คือกรรมที่ทักษิณทำไว้ และกำลังไล่ล่าตัวเขา


1) นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ทักษิณต้องจ่ายภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทในการขายหุ้นชินคอร์ป ให้กลุ่มเทมาเส็ก

สื่อมวลชนรายงานข่าวว่า “ทักษิณ” อ่วม ศาลฎีกาพิพากษากลับยกฟ้องคดีที่ทักษิณฟ้องกรมสรรพากรให้เพิกถอนการประเมินเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กลุ่มเทมาเส็ก ชี้การให้ “โอ๊ค-เอม” ถือหุ้นแทน ถือว่ามีวัตถุประสงค์ขาดคุณธรรมทางภาษีเพื่อให้รัฐเก็บภาษีไม่ได้ เป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง ทำให้ทักษิณต้องจ่ายภาษี 17,629.58 ล้านบาท พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ผู้เขียนพิจารณาแล้ว มีข้อมูลและความเห็นดังนี้

1. เดิมกรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้ 17,629.57 ล้านบาท จากนายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา บุตรนายทักษิณ แต่บุคคลทั้งสองต่อสู้ว่า ผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริงคือนายทักษิณ เพราะเป็นเจ้าของหุ้นและได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้บุคคลทั้งสองชนะคดี กรมสรรพากรไม่อุทธรณ์ และไม่ยอมออกหมายเรียกและประเมินภาษีจากนายทักษิณผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริง ทั้งที่ยังอยู่ในกำหนดเวลาที่สามารถออกหมายเรียกและประเมินภาษีได้

ต่อมาเดือนมีนาคม 2560 ในขณะที่คดีจะครบอายุความ 10 ปี ที่จะประเมินภาษีจากนายทักษิณ รัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ได้แจ้งให้กรมสรรพากรประเมินภาษีจากนายทักษิณตามคำแนะนำของ สตง. กรมสรรพากรจึงประเมินภาษี 17,629.58 ล้านบาทจากนายทักษิณ

2. นายทักษิณจึงฟ้องกรมสรรพากรและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง ขอให้เพิกถอนการประเมิน โดยอ้างว่ากรมสรรพากรไม่ได้ออกหมายเรียกตนก่อนประเมินภาษีจึงประเมินภาษีตนไม่ได้ เป็นคดีนี้

3. ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษา (ในคดีหมายเลขดำที่ ภ 220/2563 หรือ คดีหมายเลขแดงที่ ภ 109/2565 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2565) เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) เนื่องจากเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินกรมสรรพากรมิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบโจทก์ ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร ในฐานะตัวการ การออกหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12)จึงเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบ กรมสรรพากรกับพวกอุทธรณ์

4. ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีภาษีอากร มีคำพิพากษา (ที่ 2819/2566 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2566) ยืนตามศาลภาษีอากรกลาง กรมสรรพากรกับพวกฎีกา

5. ศาลฎีกาแผนกภาษีอากรเห็นว่า การที่โจทก์ปกปิดการถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตนโดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และนางสาวพินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะโจทก์ประสงค์ที่จะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ขาดคุณธรรมทางภาษีและไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีอากร ในการจัดเก็บภาษีอากร ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย ทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจนอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่นรวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง กรณีจึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ ส่วนประเด็นอื่น ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6890/2568)

6. อาจกล่าวในอีกนัยหนึ่งได้ว่า ศาลฎีกาพบว่า ทักษิณ “ปกปิด”การถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น โดยให้บุคคลอื่น (รวมถึงลูก คือ พานทองแท้ และ พินทองทา) ถือหุ้นแทนเขา เหตุผลที่ให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน “เพราะประสงค์ที่จะเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง” - ซึ่งตามกฎหมายห้ามให้เขาถือหุ้น ชินคอร์ปขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เจตนาของธุรกรรม : ศาลฎีกามองว่าโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าว “ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ขาดคุณธรรมทางภาษี” (tax avoidance) และ “ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีอากร” โดยเฉพาะเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้รัฐจัดเก็บภาษีได้อย่าง “ถูกต้องและแน่นอน” ศาลฎีกาเห็นว่าการทำธุรกรรมนี้เป็น “ธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจนอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่นรวมถึงภาษีเงินได้” ซึ่งแสดงว่าไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจปกติ (เช่นการลงทุน, การขยายกิจการ) แต่เน้นหลีกเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ ศาลฎีการะบุว่าเป็น “ธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง”(severely unlawful) ในมุมภาษีอากร

ผลทางกฎหมาย-เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม : แม้จะมีประเด็นว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรอาจไม่สมบูรณ์ในกระบวนการ (เช่น เรื่องหมายเรียก) แต่ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ของนายทักษิณในฐานะตัวการไม่เปิดเผยชื่อย่อมต้องผูกพันต่อการออกหมายเรียกและการออกหนังสือแจ้งการประเมินภาษีของกรมสรรพากร และกรมสรรพากรมีสิทธิบังคับนายทักษิณ ผู้เป็นตัวการให้รับผิดในหนี้ภาษีอากรที่นายพานทองแท้และนางสาวพินทองทาในฐานะตัวแทนทำขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 820 ไม่มีเหตุให้งดหรือให้ลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม” แก่นายทักษิณ - เพราะการกระทำเบื้องหลังเป็นธุรกรรมหลบเลี่ยงภาษีอย่างจริงจัง ด้วยเหตุนี้ศาลฎีกาจึงยกฟ้องโจทก์ (นายทักษิณ) - หมายถึงไม่เพิกถอนการประเมินภาษี และให้กรมสรรพากรดำเนินการเก็บภาษีตามที่เรียกมา

ยอดเงินภาษีที่ต้องจ่าย : นายทักษิณต้องจ่ายภาษี 17,629.58 ล้านบาทพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีอากร

2) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้กรมสรรพากรจะมารายงานตน แต่อย่างไรก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน คือ เริ่มที่อัยการสูงสุดดำเนินการสืบทรัพย์ และเข้าสู่การดำเนินการของกรมบังคับคดี แล้วมาที่การดำเนินการของกรมสรรพากร พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมากรมสรรพากร มีแนวปฏิบัติอยู่แล้ว ในการฟ้องคดีในเรื่องเหล่านี้เป็นจำนวนมาก

เมื่อถามว่า วงเงินเยอะขนาดนี้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยเฉพาะหรือไม่ รวมถึงกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ นายลวรณ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนต้องรอให้กรมสรรพากรมารายงาน และเมื่อมีความชัดเจนก็จะมีการแถลงให้รับทราบ

ถามต่อว่า หากทรัพย์สินยังอยู่ในต่างประเทศจะดำเนินการ สืบทรัพย์ ได้หรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า อัยการสูงสุดสามารถสืบทรัพย์ได้ ส่วนกรณีดังกล่าวจะเทียบเคียงกับการยึดทรัพย์ในโครงการจำนำข้าวได้หรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า กรณีจำนำข้าว โจทก์ไม่ใช่กรมสรรพากร แต่รอบนี้โจทก์ คือกรมสรรพากร ซึ่งอาจจะเป็นคนละบริบทกัน

3) นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ เป็นสิ่งที่เกินจะรับ ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 1 ปี ซ้ำ โดยไม่หักวันที่เคยถูกคุมขังอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจเลย ถูกอัยการอุทธรณ์คดี 112 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ คณะทำงานที่มีอัยการสูงสุดคนปัจจุบันเป็นหัวหน้าคณะมีมติไม่อุทธรณ์ 8 : 2 และทำให้หมดสิทธิ์ขอพักโทษจากการจองจำ ถูกศาลฎีกา พิพากษาให้การที่กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีการขายหุ้น “ชินคอร์ป“ จำนวน 17,600 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ศาลภาษีชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ถอนการประเมิน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ยึดไปแล้ว 46,000 ล้าน เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2553 ด้วยคำสั่งของศาลฎีกาฯ นักการเมือง

การกระทำต่อคุณทักษิณ ถูกมองว่ามาแบบซีรี่ส์ที่มีการจัดวาง ขัดต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก ผลักไสไล่ส่งเอาคนที่สามารถทำประโยชน์ให้ประเทศมากๆ ไปอยู่ต่างประเทศ และขังคุก จากนั้น ก็เอาพวกเฮงซวยมาบริหารประเทศไม่แปลกใจที่ประเทศถดถอยมาตามลำดับ จนหนี้ประเทศ และ หนี้ครัวเรือนสูงสุด คนไทยส่วนใหญ่ แทบไม่มีความหวังกับประเทศนี้อีกเลย สงสารประเทศไทย พอได้หรือยังครับ!”

สรุป : ใช่ครับ สงสารประเทศไทย ที่มีคนอย่างนายก่อแก้วและความเห็นเช่นที่แสดงมานายก่อแก้วควรบอกกับนายทักษิณตั้งแต่เริ่มเบียดบังผลประโยชน์ของชาติแล้วว่า “พอได้หรือยังครับ” ไม่ใช่มาบอกตอนนี้ และบอกกับคนที่พยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา !!

จิตกร บุษบา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:21 น. ไปก่อนไทย!สิงคโปร์คว้าตั๋วเอเชียนคัพรอบ41ปี
22:14 น. ‘น่าน’ประชุมเตรียมพร้อมจัดงานประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 2
22:06 น. จาก'อังกฤษ'สู่'ไทย' : เปิดใจ'จู๊ด เบลล์'วันแจ้งเกิดช้างศึก
22:01 น. พ่อค้าแม่ค้าแห่จองล็อกขายสินค้าฟรี งานพลุนานาชาติ‘เมืองพัทยา’
21:55 น. ปากดีต้องโดนแบบนี้! 'ยุ้ย ญาติเยอะ'ฟาดกลับชาวเน็ต หวังแซะบูลลี่
ดูทั้งหมด
การทูตหยุดโลก 'อ.ธรณ์'ชี้ความสำคัญ ในหลวงเสด็จเยือนจีน
ยูเนสโกประกาศยกย่อง 'ในหลวงรัชกาลที่ 9' และ 'สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ'
เบื้องหลังฉลองพระองค์ 'สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี'
แรงมากแม่! 'เพลง ชนม์ทิดา'โพสต์สตอรี่ปริศนาพูดถึงเวรกรรม
งดงามดุจจันทรา! เปิดรายละเอียด'ไหมเปลือก 6 เส้น' ที่สุดแห่งเส้นใยชั้นนอกสู่ฉลองพระองค์อันวิจิตร
ดูทั้งหมด
การกลับมาของสภาพคล่องโลกหลัง Government Shutdown สหรัฐฯ - จะเป็นตัวเร่งรอบใหม่ของตลาดคริปโตหรือไม่?
ชะตาชีวิตของ‘ทักษิณ’
เทศกาลลอยกระทง...ขยะที่ลอยไม่ไปไหน กับปัญหาคอร์รัปชันที่ยังไม่จมหาย
3 หลี่ กงกง
1.76 หมื่นล้านบาท ทำไมทักษิณต้องจ่ายภาษีขายหุ้นชินฯ
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปากดีต้องโดนแบบนี้! 'ยุ้ย ญาติเยอะ'ฟาดกลับชาวเน็ต หวังแซะบูลลี่

จาก'อังกฤษ'สู่'ไทย' : เปิดใจ'จู๊ด เบลล์'วันแจ้งเกิดช้างศึก

เรื่องชวนคิด!!! เลือก'ปธ.กกต.คนใหม่'ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?

ศึกอสรพิษ!‘งูบู๊ตะขาบ’ สุดท้ายไม่พ้นมือกู้ภัยอุดรธานี

ฟุตบอลลั่นกวาดหมด! สมาคมกีฬาฟันธง241ทองซีเกมส์

แฟนคลับส่งกำลังใจ! 'เก้า สุภัสสรา'เผยป่วยเนื้องอกในมดลูก เมนส์มาไม่หยุดจนเป็นลม

  • Breaking News
  • ไปก่อนไทย!สิงคโปร์คว้าตั๋วเอเชียนคัพรอบ41ปี ไปก่อนไทย!สิงคโปร์คว้าตั๋วเอเชียนคัพรอบ41ปี
  • ‘น่าน’ประชุมเตรียมพร้อมจัดงานประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 2 ‘น่าน’ประชุมเตรียมพร้อมจัดงานประเพณีแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 2
  • จาก\'อังกฤษ\'สู่\'ไทย\' : เปิดใจ\'จู๊ด เบลล์\'วันแจ้งเกิดช้างศึก จาก'อังกฤษ'สู่'ไทย' : เปิดใจ'จู๊ด เบลล์'วันแจ้งเกิดช้างศึก
  • พ่อค้าแม่ค้าแห่จองล็อกขายสินค้าฟรี งานพลุนานาชาติ‘เมืองพัทยา’ พ่อค้าแม่ค้าแห่จองล็อกขายสินค้าฟรี งานพลุนานาชาติ‘เมืองพัทยา’
  • ปากดีต้องโดนแบบนี้! \'ยุ้ย ญาติเยอะ\'ฟาดกลับชาวเน็ต หวังแซะบูลลี่ ปากดีต้องโดนแบบนี้! 'ยุ้ย ญาติเยอะ'ฟาดกลับชาวเน็ต หวังแซะบูลลี่
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

กรรม...ที่ ‘ทักษิณ’ กำลังชดใช้

กรรม...ที่ ‘ทักษิณ’ กำลังชดใช้

19 พ.ย. 2568

‘ไทย-กัมพูชา’ ทีท่าที่ควรจะเป็น

‘ไทย-กัมพูชา’ ทีท่าที่ควรจะเป็น

16 พ.ย. 2568

‘น้ำลายเน่าๆ’ ของหัวหน้าพรรค ‘เพื่อไทย’

‘น้ำลายเน่าๆ’ ของหัวหน้าพรรค ‘เพื่อไทย’

12 พ.ย. 2568

ไทยแลนด์ : ดินแดนฟอกเงินเทา?

ไทยแลนด์ : ดินแดนฟอกเงินเทา?

9 พ.ย. 2568

หากินกับ ‘ความตาย’ ของ ‘คนเสื้อแดง’

หากินกับ ‘ความตาย’ ของ ‘คนเสื้อแดง’

5 พ.ย. 2568

‘พ่อ’ ลาออก ‘ลูก’ ขึ้นหัวหน้า

‘พ่อ’ ลาออก ‘ลูก’ ขึ้นหัวหน้า

2 พ.ย. 2568

‘ดอกไม้ดำ’ กับ ‘ยี่เป็งเชียงใหม่’

‘ดอกไม้ดำ’ กับ ‘ยี่เป็งเชียงใหม่’

29 ต.ค. 2568

‘กัน จอมพลัง’ กับพลังที่ซ่อนเร้น

‘กัน จอมพลัง’ กับพลังที่ซ่อนเร้น

26 ต.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved