วันเสาร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
น้ำท่วมภาคใต้ครั้งใหญ่ ทำให้รำลึกได้ว่าโลกเปลี่ยนไป ธรรมชาติดินฟ้าอากาศไม่สามารถทำนายจากพฤติกรรมของสัตว์และหลักวิทยาศาสตร์ได้ว่า ภัยพิบัติจากธรรมชาติจะร้ายแรงขนาดไหน แต่สิ่งเดียวที่ทำนายได้คือระบบทาสของข้าราชการไทย
ผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ได้สร้างระบบทาสขึ้นมาใหม่ หลังจากในหลวงรัชกาลที่ 5 ประกาศเลิกทาส วันที่ 1 เมษายน 2448 คณะราษฎรที่ปล้นพระราชอำนาจ และพระราชทรัพย์ ได้สร้างระบบทาสขึ้นมาใหม่เรียกว่า “การปกครองระบบประชาธิปไตย” คือจัดมีให้ผู้แทนราษฎรขึ้นมาบริหารประเทศ แทนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้เกิดนายทาสรูปแบบใหม่จากผู้ที่ประชาชนเลือกมา
การเลือกตั้งระดับประเทศระดับจังหวัด ตำบล หมู่บ้าน ตลอดถึงชุมชนที่ดูเหมือนว่า อำนาจการบริหารกระจายจากส่วนกลาง ไปสู่ภูมิภาค จังหวัด ตำบล หมู่บ้าน เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล ตลอดถึงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
มองผิวเผินดูเหมือนว่าประชาชน เลือกผู้แทนเข้ามาบริหารจัดการแก้ปัญหาท้องถิ่นของตัวเองได้ แต่ในความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดีเอ็นเอ ความเป็นทาสยังคงฝังลึกในองค์กรที่ประชาชนที่เลือกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นนายกเทศมนตรี อบจ. อบต. และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านองค์กรท้องถิ่นเหล่านี้ยังฝังใจในความเป็นทาสเป็นนาย จิตใต้สำนึกพวกเขายังอยู่ใต้บังคับบัญชาข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองที่ยังฝังใจว่ารัฐบาลกลางจากเมืองหลวงเป็นนาย
องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น จึงยึดถือประเพณี ที่ทำก่อนนายสั่งไม่ได้หรือทำเกินหน้ารัฐบาลกลางถือว่ากระด้างกระเดื่อง สร้างความเสียหายต่ออนาคต และ หน้าที่การงานในภายหน้า
เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในสิบจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำเภอหาดใหญ่ แสดงให้เห็นความเป็นทาสยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน หาดใหญ่ซึ่งได้รับการยกฐานะเป็น เทศบาลตำบล ตั้งแต่ พ.ศ.2478 และเป็นเทศบาลเมือง ตั้งแต่ พ.ศ. 2492 ก่อนจะถูกยกฐานะเป็นเทศบาลนคร เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2538
พูดได้ว่า หาดใหญ่เป็นเทศบาลนครที่ นายกเทศมนตรีมีอำนาจเต็มบริหารงบประมาณมหาศาล บริหารกิจการท้องที่ก่อนเมืองใดๆ ในประเทศไทย
นายเคร่ง สุวรรณวงศ์ เป็นอดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่หลายสมัย ได้รับฉายาว่า “นายกตลอดกาล” และเป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาเมืองหาดใหญ่ให้เจริญรุ่งเรือง นายกเทศมนตรีเคร่ง เป็นผู้มีบารมีที่รัฐมนตรีและ สส.ภาคใต้ให้ความเคารพนับถือ
แต่น่าเสียดายที่นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ในยุคหลังยกระดับคนที่เคยเคารพนับถือนายเคร่ง ขึ้นเป็นเจ้านายและปฏิบัติหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนสมัยนายเคร่ง จะทำอะไร จะออกนโยบายสิ่งใดต้องรอฟังเจ้านายสั่งจากรัฐบาลกลาง
ตัวอย่างที่ชัดเจน คือฝนตกหนักที่เรียกว่าระเบิดฝนถล่มหาดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.และมีทีท่าน้ำจะท่วมเมืองหาดใหญ่ ที่แล้วมาคนหาดใหญ่ไม่ค่อยสนใจพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาฯแต่คนหาดใหญ่ให้ความสำคัญกับสัญญาณเตือนภัยจากเทศบาลนครหาดใหญ่ ธงสีน้ำเงินปลอดภัย ธงสีเหลืองให้ระวังภัย และธงแดง เตือนภัยอันตรายร้ายแรงตามลำดับชั้น
สถิติน้ำท่วมหาดใหญ่มักเกิดขึ้นวันที่ 22 พฤศจิกายน ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมหาดใหญ่ 22 พฤศจิกายน 2531 และ น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งใหญ่ 22 พฤศจิกายน 2543 ดังนั้นวันที่ 22 พฤศจิกายน จึงเป็นวันฝันร้ายของชาวหาดใหญ่ ทุกคนจึงจับตามองที่ธงเตือนภัยของเทศบาล
ด้วยความตั้งใจเอาใจนาย หรือ ได้รับข้อมูลผิดพลาดมา วันที่ 22 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ควงภริยาลงตรวจน้ำท่วมหาดใหญ่ยังคงเห็นสัญญาณเตือนภัยธงสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีพรรคภูมิใจไทยปลิวไสว และในวันนั้นนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่รายงานนายกฯว่า “เอาอยู่ สถานการณ์น้ำไม่ร้ายแรงเหมือนปี 2543 คาดการณ์ว่าภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน น้ำลดสู่ภาวะปกติ”
เมื่อได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นนั้น นายอนุทินก็อุ่นใจฉวยโอกาสหาเสียงกล่าวในที่ประชุมว่า “จะจัดสรรงบประมาณฟื้นฟูให้ครัวเรือนละเก้าพันบาทให้โดยไว” คำพูดของนายอนุทินเรียกเสียงปรบมือดังสนั่น จนนายกฯเขินอายพูดขึ้นว่า “อย่าปรบมืออายเขา”หลังจากนั้นนายอนุทินก็ควงภริยาขึ้นรถบรรเทาสาธารณภัยแจกถุงยังชีพให้ชาวบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อนบินกลับเมืองหลวง
ในเวลาเดียวกัน ที่นายกเทศมนตรีรายงานนายกฯว่า สถานการณ์ไม่ร้ายแรงเหมือนปี 2543 นั้น ชาวหาดใหญ่ที่อยู่อาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เริ่มอกสั่นขวัญแขวน สื่อโซเชียลเริ่มแพร่หลายรายงานถึงภัยอันตราย เมื่อน้ำท่วมถนนเอ่อเข้าบ้าน เทศบาลนครหาดใหญ่เริ่มตระหนักถึงอันตราย เปลี่ยนธงเตือนภัยสีน้ำเงินเป็นธงเหลือง
ผู้เชี่ยวชาญทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า นายกเทศมนตรีประเมินสถานการณ์ผิดพลาด อาจได้ข้อมูลมาว่าน้ำในคลอง ร.1 กับคลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองหลักระบายน้ำจากเมืองหาดใหญ่ลงสู่ทะเลสาบสงขลา และน้ำยังไม่เอ่อฝั่งคลอง โดยลืมไปหรือก็คาดไม่ถึงว่า ระเบิดฝนที่ถล่มเมืองซึ่งเป็นพื้นที่ท้องกระทะ สามสี่วันติดกันเกินปริมาณเมืองหาดใหญ่จะรับได้
ฝนตกในระดับ 300 มิลลิเมตรต่อวัน เป็นเหตุให้หาดใหญ่กลายเป็นเมืองใต้บาดาลตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 23 พฤศจิกายน เสียงโทรศัพท์นับร้อยนับพันสายเรียกหน่วยกู้ภัย และ รายการวิทยุ/ทีวีขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ติดอยู่ในบ้าน ขาดไฟ ขาดน้ำ ขาดอาหารนับพันนับหมื่นราย
ถึงจุดนี้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ว่าฯอบจ. เทศบาล อบต. กำนัน ผู้ใหญ่ นั่งรอสั่งการแผนงานกู้ภัยจากรัฐบาล นายกรัฐมนตรีก็สั่งการให้ รองนายกฯธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้อำนวยศูนย์บริหารอุทกภัยหาดใหญ่
ผู้ว่าฯ อบจ. เทศบาล อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส. ซึ่งขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีมหาดไทย เมื่อต้องฟังคำบัญชาจากรัฐมนตรีเกษตรฯผู้ไม่มีประสบการณ์ด้านบรรเทาสาธารณภัยและไม่คุ้นเคยพื้นที่ ไม่รู้ว่าผู้ประสบภัยอยู่จุดไหนและต้องช่วยเหลือคนกลุ่มไหนออกมาก่อนการประสานงานกู้ภัยจึงกลายเป็นประสานงา ปล่อยชาวบ้านรอคอยความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวังต่อไป
จึงมิใช่เรื่องน่าตกใจหรือประหลาดใจ เมื่อมีเสียงปืนยิงไล่หลังเจ๊ตสกีจากนอกพื้นที่ไปช่วยกู้ภัย จะโทษชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะนั่นเป็นการระบายอารมณ์ผู้ที่รอคอยความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง ผู้ประสบภัยรู้ว่าอาสากู้ภัยมาจากต่างจังหวัด ขับเจ๊ตสกีไปมาแบบหาจุดหมายไม่ได้
เสียงปืนสองนัดแรกจึงเป็นคำถามว่า เทศบาล อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อส. หายหัวไปไหน ทำไมจึงปล่อยให้จิตอาสากู้ภัยจากส่วนกลางงมหาผู้ประสบภัยแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ แถมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพารองนายกฯขาใหญ่นั่งเจ๊ตสกีผ่านหน้าไปแล้วตะคอกใส่กล่องวีดีโอว่า เรือท้องแบนจอดลอยลำอยู่ได้ ทำไมไม่ออกไปช่วยคนที่ติดอยู่ในบ้านกำลังอดตาย
รองนายกฯขาใหญ่ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าเรือของบรรเทาสาธารณภัยอยู่ใต้สังกัดของรัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีเกษตรฯก้าวก่ายไม่ได้
ด้วยความเข้าใจถึงระบบราชการ และประเพณีที่ต้องรอให้นายสั่งของทาสยุคใหม่ ผู้เขียนจึงทำได้เพียงให้กำลังใจภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยและชื่นชมทุกฝ่ายที่ทุ่มเทกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังใจ ช่วยผู้ประสบภัยที่ติดอยู่เมืองใต้บาดาลขาดน้ำ ข้าวปลาอาหารนานนับสัปดาห์
ในฐานะผู้สูงวัยที่มีโรคความดัน ไขมัน เบาหวาน เมื่อเกิดอาการน้ำตาลตก ต้องรีบกินน้ำหวานหรืออาหารที่พอหยิบฉวยได้ มิฉะนั้นจะเกิดอาการวูบเหงื่อไหลมือไม้อ่อนแรง พิเคราะห์จาก
กระแสโซเชียลที่ออกมาเชื่อว่า ผู้สูงวัยที่มีอาการเช่นเดียวกันติดอยู่ในเมืองบาดาลในสิบจังหวัดภาคใต้หลายพันหลายหมื่นราย
หากนับรวมเด็กเล็ก คนชราและผู้ป่วยติดเตียง ที่ขาดน้ำขาดอาหารหลายวัน จินตนาการไม่ได้ว่าจะทนสภาพหิวโหยทรมานหนาวสั่นอยู่ได้นานแค่ไหน และคิดไปในแง่ลบว่า อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 85 ศพที่รัฐบาลแถลงในเบื้องต้น จึงได้ภาวนาขอให้ผู้ประสบภัยปลอดภัย และน้ำลดไวๆ กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้
ทั้งๆ ที่คิดว่า หลังจากน้ำแห้งแล้วจินตนาการไม่ได้ว่าการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมากมายมหาศาลแค่ไหนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภาคใต้
ประชากรของ อ.หาดใหญ่ ปี 2567 มีประมาณ 406,374 คน ส่วนประชากรของเทศบาลนครหาดใหญ่มีจำนวน 143,487 คน ณ มกราคม 2567 ความหนาแน่น 476.52 คนต่อตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นของเมือง ที่มีอาคารบ้านเรือน โรงแรม คอนโดมิเนียม ห้องเช่า มีอยู่ทุกตรอกซอกซอย เมื่อฝนถล่มลงมาห้าคืนห้าวันย่อมเกินความสามารถของเมือง จะระบายน้ำออกทะเลสาบสงขลาได้
สิ่งที่น่าเสียใจคือ หาดใหญ่ มีเทศบาลนคร เทศบาลตำบล มีผู้นำชุมชน มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีนายอำเภอ มีผู้ว่าราชการจังหวัด คนเหล่านี้ รู้จักทุกซอกซอยเมืองหาดใหญ่ ทำไมไม่ร่วมมือกันช่วยผู้ประสบภัย หรือไม่ก็ช่วยบอกทางจิตอาสาที่มาจากต่างจังหวัดว่า ต้องไปจุดไหน ตรงไหนไปยากไปง่ายอย่างไร
ทั้งหมดที่กล่าวไม่ได้โทษใครแต่เสียใจ และ เสียดายเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. นายกเทศมนตรี นายกอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท่านไม่หยิ่งในศักดิ์ศรีอำนาจหน้าที่ตัวเอง
ฤาข้าราชการ และ นักการท้องถิ่นเหล่านี้มี DNA ความเป็นทาสที่ทำงานไม่ได้จนกว่าได้รับรายงานเสนอหน้าต่อรัฐบาลและทำงานไม่ได้จนกว่าได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีและอธิบดีผู้เป็นนายเท่านั้น
สุทิน วรรณบวร

ตร.กางแผน รุกฆาต ยาเสพติด ปูพรมค้นทั่วไทยกว่า 2,500 จุด ยึดยาบ้า 16.9 ล้านเม็ด
รวบแล้วแม่ใจยักษ์วัย 19 ปี เอาลูกทิ้งใต้ถุน ปล่อยตัวเงินตัวทองรุมแทะ
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมสมัยวิสามัญ 10 ธ.ค.นี้
นายกฯ ลุยเขต 8 หาดใหญ่ ชาวบ้านร้องไม่มีรถ-เรือช่วยอพยพหนีน้ำท่วม อนุทิน ยกมือไหว้ ‘ขอโทษด้วย’
แฉคาหนังคาเขา มือดีฉวยเบียร์ยี่ห้อดังจากซากน้ำท่วม โพสต์ขายขวดละ25บ.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี