ดูเหมือนในปัจจุบัน จะมีความเข้าใจผิดในเรื่องการจัดหาเงินเพื่อนำมาลงทุนอยู่พอสมควร ผิดถึงขนาดคิดว่า การลงทุนโดยใช้เงินคนอื่นเป็นเรื่องเก่ง เป็นเรื่องฝีมือ ประมาณว่าใครไม่ใช้เงินตัวเองเลยถือว่าเจ๋ง ถือว่าเทพ
ที่จริงการใช้เงินคนอื่น หรือที่ใช้คำฮิตติดปากกันว่า OPM นั้น (ย่อมาจาก Other›s People Money) ไม่ได้เป็นเรื่องของความเก่งกล้าสามารถอะไรเลย มองในมุมการลงทุน มันเป็นเรื่องของการเพิ่มโอกาสในการลงทุนเสียมากกว่า
ซึ่งรูปแบบหนึ่งของการใช้เงินคนอื่น หรือ OPM ที่ถือว่าดั่งเดิมและเก่าแก่ที่สุดช่องทางหนึ่ง ก็คือ การกู้ยืมเงิน หรือการขอสินเชื่อ จากสถาบันการเงิน
OPM ในช่องทางนี้ หากคุณมีรายได้และเครดิตที่ดี ก็สามารถเข้าถึงการ OPM ด้วยสินเชื่อกันได้ทุกคนนั่นแหละ (ธรรมดามาก)
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับคำถามเกี่ยวกับปัญหาอันเกิดจากการใช้เงินคนอื่นมาลงทุนเกินตัว เกินกำลัง หรือแม้กระทั่งใช้มั่ว จนกลายเป็นปัญหา
เช่น มีหนี้อยู่สองสามแสน โดนหลอกไปกู้ซื้อบ้าน ล่อใจด้วยสินเชื่อส่วนต่างจากราคาบ้าน สอนกันผิดๆ ว่า ให้นำเงินส่วนเกินไปโปะหนี้ แถมการันตีค่าเช่า Over จนเคลิ้มหลงเชื่อ (คนละกรณีกับการมีหนี้บ้านอยู่แล้ว แล้วรีไฟแนนซ์ไปปิดหนี้ดอกเบี้ยแพง)
คนกำลังหน้ามืด ถูกติดตามทวงถามหนี้อยู่ตลอด ก็ร้อนใจ ลืมคิดให้ถี่ถ้วน คิดว่าเป็นโอกาส ก็เลยคว้าเอาไว้
สุดท้ายจากที่เคยเป็นหนี้สองสามแสน พาลเป็นหนี้หลักล้าน ไอ้ที่โม้ว่าการันตีค่าเช่า เอาเข้าจริงเงียบเป็นป่าช้า ถามผู้ซื้อคนอื่นๆ ที่โดนหลอกมาลอตเดียวกัน ก็ร้างเหมือนๆ กัน
สนุกเลยทีนี้ ส่วนต่างที่คิดว่าจะโปะหนี้ สุดท้ายได้มาทยอยผ่อนจ่ายคืนธนาคารเอง (แถมเงินนั้นมีต้นทุนเป็นดอกเบี้ยเสียด้วยสิ) บ้านที่ซื้อไม่ได้มีกำไรเลี้ยงตัวตามแผนที่ปักใจหลงเชื่อ
ไอ้ที่คิดว่าจะลงล็อกทุกอย่าง หนี้บัตรเครดิตหมด เก็บค่าเช่าส่งหนี้ใหม่ แถมมีทรัพย์สินสบายๆ ... เรียบร้อย พังทุกมิติ
หรือบางรายหนักกว่านั้น มีรายได้สูงเลยถูกชวนซื้อคอนโดทีเดียวหลายๆ ห้อง ทำส่วนต่างส่วนลดจนมีเงินกู้เกินเป็นล้าน (กรณีนี้น่าสงสัยคนในธนาคารมีส่วนรู้เห็น)
ได้เช็คเงินล้านมาพาให้ดีใจ หารู้ไม่ว่ากู้ซื้อเกินราคาตลาดไปไม่น้อย เราได้ล้าน คนพาเราไปเชือดได้มากกว่า 2-3 เท่า แถมไม่ต้องเป็นหนี้ด้วย ปล่อยภาระทั้งหมดตกกับเรา
และก็มุขเดิม ก่อนซื้อการันตีค่าเช่า พอซื้อไปจริงแล้วเหงา ปล่อยเช่าไม่ได้เลยสักห้อง ร้อนใจ ทุกข์ใจ สุดท้ายวิ่งมาหามันนี่โค้ช (เป็นอะไรถึงไม่ชอบคุยกับผมก่อนซื้อ ชอบคุยหลังซื้อกันวะ)
สิ่งถ้าอยากจะบอก อยากจะเตือนก็คือ ...
OPM ใดๆ ในโลก ล้วนแล้วแต่ไม่ฟรี และมีต้นทุนด้วยกันทั้งสิ้น
กู้เขามา ก็ต้องมีดอกเบี้ย หุ้นกับเขา กำไรได้มาก็ต้องแบ่งกันไปจนกว่าจะแยกจาก มันเป็นเรื่องที่คนจะเป็นนักลงทุนต้องเข้าใจ
พวกที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ต่างก็ใช้ OPM กันทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจ ทรัพย์สินที่โยนเงินลงไป (ที่กู้เขามา) ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับมันเลย ทั้งหลักคิดและวิธีลงทุน เรื่องประสบการณ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
บทสรุปมันก็เลยฉิบหายโดยสมบูรณ์แบบ ตามสมการ ที่โค้ชการเงินจิตใจดี เคยกล่าวเตือนไว้แล้วหลายครั้งว่า ...
“ความฉิบหาย” = “ความไม่รู้” + “โลภ” + “มักง่าย”
(โง่ ตะกละ แถมยังขี้เกียจ ก็ต้องถูกหลอกไม่จบไม่สิ้น)
เราปราบคนเลวให้หมดโลกไม่ได้หรอกครับ แต่เราสามารถยกระดับภูมิปัญญาของเราให้รู้เท่าทันพวกมันได้ รวมไปถึงเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่เราจะโยนเงินลงไปได้
เงินคนอื่น ไม่ใช่ของง่าย ... ถ้าเงินตัวเองยังบริหารไม่ได้ คุณบริหารเงินที่มีต้นทุนอย่าง OPM ไม่ได้หรอกครับ
ยิ่งถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจด้วยแล้ว สุดท้ายการเงินก็มีแต่พัง พัง แล้วก็พังเท่านั้นครับ
ปล. ใครสนใจอยากศึกษาเรื่อง OPM จริงๆ จังๆ ผมแนะนำงานแปลของผมเมื่อหลายปีก่อน ชื่อหนังสือ OPM รวยด้วยเงินคนอื่น เป็นงานเขียนของ Michael Lechter เนื้อหาดี และเจาะลึก OPM อย่างลึกซึ้ง แนะนำสำหรับคนที่ต้องการใช้เงินคนอื่นสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองครับ คุณจะได้เห็นข้อเท็จจริงว่า มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี