โครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี....อีกหนึ่งอภิมหาโปรเจกท์ที่รัฐบาลตั้งใจจะใช้เป็นแรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ....ณ ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการ 8 แผนงาน ประกอบด้วย แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ แผนการพัฒนา สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือสัตหีบ และบริหารโลจิสติกส์ต่อเนื่อง, แผนการพัฒนา 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย, แผนการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว, การพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจ และศูนย์กลางการเงิน, แผนการพัฒนาบุคลากร การศึกษา วิจัย และเทคโนโลยี, แผนการพัฒนาเมืองใหม่ และชุมชน, แผนการประชาสัมพันธ์และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม และแผนการพัฒนาด้านการเกษตร ชลประทาน และสิ่งแวดล้อม ..โดยมีพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ขึ้นมารองรับ....
นอกจากนี้ยังได้กำหนดโครงการจำเป็นและเร่งด่วนขึ้นมา (ต้องเร่งทำก่อน)...เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน...โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก... โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ...โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา และโครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ... การพัฒนา เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีไอ และการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หรืออีอีซีดี ฯลฯ
และเพื่อให้โครงการที่ว่านี้มีผลเป็นรูปธรรมเร็วๆ...จึงดำเนินการผ่านรูปแบบ...การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือพีพีพี...และให้เร็วขึ้นไปอีก...ก็ทำกันแบบ EEC Track …ผลที่เกิดคือ...ประมูลงานกันได้รวดเร็วทันใจ...เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าโครงการราว 2.24 แสนล้านบาท...ปัจจุบันได้ออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนไปแล้ว ....โดยมีผู้สนใจเข้ามาซื้อซองเอกสารประกวดราคาไปแล้วจำนวน 31 ราย....และเปิดเวทีโรดโชว์ไปแล้ว... วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561..ก็จะยื่นเอกสารประกวดราคา....คาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลและลงนามสัญญาได้ในเดือนมกราคม 2562...
ขณะที่โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นนักลงทุนหรือมาร์เก็ต ซาวดิ้ง ครั้งที่ 2 ไปแล้ว... จะเปิดเป็นครั้งที่ 3 ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้.... และน่าจะออก TOR ได้ในเดือนกันยายนเป็นอย่างช้า.... และคาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลลงนามสัญญาได้ในเดือนมกราคม 2562 เหมือนกัน..
ส่วนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอร์บัส ซึ่งมีการลงนามในหลักการ...เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน.. คาดว่าจะออกทีโออาร์ได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ก่อนลงนามในสัญญาในเดือนธันวาคมปีนี้...นอกจากนี้..โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ได้มีการจัดทำมาร์เก็ต ซาวดิ้ง ครั้งที่ 1 ไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะออกทีโออาร์ได้ในเดือนสิงหาคมนี้ และลงนามสัญญากับผู้ชนะได้ในเดือนมกราคม 2562....ส่วนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก ก็ได้จัดทำมาร์เก็ต ซาวดิ้ง ครั้งแรกไปแล้วเช่นกันเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา และคาดว่าจะออกทีโออาร์ได้ในเดือนตุลาคมนี้ และลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลได้ในเดือนมีนาคม 2562 ...
ขณะที่แผนการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อีอีซี ก็ได้มีการจัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ 3 จังหวัดมาเป็นระยะๆ โดยมีโครงการสำคัญ เช่น โครงการจัดตั้ง
สถาบันพัฒนาบุคลากรทางการท่องเที่ยว.... การจัดตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรทางการท่องเที่ยว...ส่วนแผนการพัฒนาบุคลากร การศึกษา วิจัย และเทคโนโลยี...รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณมาให้แล้ว 390 ล้านบาท... เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการเร่งด่วน 3 กลุ่มงาน 14 โครงการ เช่น กลุ่มงานการพัฒนาบุคลากรและการส่งเสริมทักษะบุคลากร การพัฒนาการศึกษาและหลักสูตรขั้นพื้นฐาน และการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อรองรับการพัฒนาบุคลากร การวิจัย และเทคโนโลยี ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ด้วยความคืบหน้าของโครงการ ECC ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนตามลำดับ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไทยจึงออกไปโรดโชว์ต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง เช่น ที่ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ และฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งการออกไปแต่ละประเทศต่างได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี....
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี