วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / หมุนตามทุน
หมุนตามทุน

หมุนตามทุน

วันพุธ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2567, 06.00 น.
ทำไมรัฐบาลต้องกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์?

ดูทั้งหมด

  •  

nn ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัย เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยสะท้อนจากมูลค่าตลาดต่อ GDP ที่ค่อนข้างสูงราว 5-6% โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยซึ่งประเมินจากการโอนกรรมสิทธิ์มีมูลค่าอยู่ในกรอบปีละ 0.93-1.07 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่าปีละ 15.7-17.9 ล้านล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยมีขนาดอยู่ที่ราว 5-6% ของเศรษฐกิจไทย

นอกจากขนาดที่ใหญ่แล้ว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มี Supply Chain ยาว ทำให้ประโยชน์ของการใช้มาตรการกระตุ้นจะไม่ได้จบลงเพียงแค่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เท่านั้น แต่ยังคงสร้างอานิสงส์สู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจตกแต่งภายใน หรือธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น จ้างงานมากขึ้น และส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการบริโภคที่สูงขึ้นตาม


ภาครัฐมองว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ครั้งนี้ จะส่งเสริมให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท แบ่งได้เป็น1.การเพิ่มมูลค่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฯ 8 แสนล้านบาท จากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ของผู้บริโภค อาทิ ค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง ที่ลดลงจากล้านละ 30,000 บาท เหลือล้านละ 200 บาท ตลอดจนการมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มาช่วยสนับสนุนผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

2.การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ 4-5 แสนล้านบาท จากการที่ผู้ประกอบการต้องลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อทดแทนสต๊อกเหลือขายที่มีโอกาสถูกเร่งระบายออกไป 3.การบริโภค 1 แสนล้านบาทจากการที่ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ต้องซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัย อาทิ เครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น รวมถึงเฟอร์นิเจอร์เพื่อตกแต่งที่อยู่อาศัย เป็นต้น

นอกจากทั้ง 5 มาตรการ ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบแล้วในระยะถัดไปต้องติดตามมาตรการอื่นๆ ที่มีโอกาสเข้ามากระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ กันอย่างต่อเนื่อง อาทิ การกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติผ่านการทบทวนหลักเกณฑ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์ โดยชาวต่างชาติตลอดจนการลดต้นทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายขึ้น ผ่านการปรับลดขนาดที่ดินของโครงการจัดสรรลงยกตัวอย่างเช่น การปรับที่ดินของบ้านเดี่ยวให้ลดลงจากไม่ต่ำกว่า 50 ตร.ว. เป็นไม่ต่ำกว่า 35 ตร.ว. หรือ บ้านแฝด ปรับจากไม่ต่ำกว่า 35 ตร.ว. เป็นไม่ต่ำกว่า 28 ตร.ว. ซึ่งปัจจุบันกระบวนการแก้กฎหมายจัดสรรที่ดินได้เข้าคณะกรรมการจัดสรรกลางไปแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณา คาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

อีกประเด็นที่ต้องติดตามคือ “การกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยลดภาวะOversupply ของที่อยู่อาศัยในบางSegment ได้มากน้อยแค่ไหน” ข้อมูลจาก AREA ชี้ว่าที่อยู่อาศัยประเภท “ทาวน์เฮ้าส์”และ “อาคารชุด” มีสต๊อกราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นจำนวนมากราว 74,500 ยูนิต และ 71,300 ยูนิต ตามลำดับ คิดเป็น 96.3% และ 84.7% ของสต๊อกทั้งหมด จึงเป็นที่น่าติดตามว่ามาตรการลดค่าโอน-จดจำนองที่มีการขยายจากเดิมที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 7 ล้านบาท พร้อมกับให้ส่วนลดค่าโอนจากอัตราปกติที่ 2% เหลือ 0.01% จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยระบายสต๊อกในส่วนนี้ได้หรือไม่ ส่วนสต๊อกบ้านเดี่ยวที่เกิน 50%อยู่ในช่วงราคา 5-10 ล้านบาท ก็มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ อยู่บ้างเช่นกัน

อนึ่ง เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2567 ครม. ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ จำนวนทั้งสิ้น 5 มาตรการ เพื่อเป็นการสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับการยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมโลก (Thailand Vision) โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.ปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2567 โดยลดค่าโอนจาก2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุดที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567

2.มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน กำหนดให้บุคคลธรรมดาสามารถลดหย่อนค่าจ้างก่อสร้างบ้านในอัตรา 10,000 บาทต่อค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท รวมไม่เกิน1 แสนบาท ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านเสร็จ ตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้นและเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เม.ย. 2567 ถึง 31 ธ.ค. 2568 3.โครงการ Happy Home วงเงิน 20,000 ล้านบาท โดย ธอส. จะสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นับรวมถึงการปลูกสร้างอาคารการซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง และซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัย ผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่ 3% นาน 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยสามารถยื่นคำขอกู้ได้จนถึง 30 ธ.ค. 2568 หรือจนกว่าสินเชื่อจะเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ

4.โครงการ Happy Life วงเงิน 10,000ล้านบาท โดย ธอส. จะสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองนับรวมถึงการต่อเติมขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร หรือไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น ผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.98% วงเงินต่อรายตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป 5 โครงการบ้าน BOI ขยับเพดานเป็น 1.5 ล้านบาท โดย BOI ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 100% ของเงินลงทุนในการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข โดยได้ขยายเพดานราคาบ้านเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท

Krungthai COMPASS

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
06:00 น. พสกนิกรหลั่งไหลสักการะ พระพันปีหลวง กทม.เตรียมรับปชช. เข้ากราบพระบรมศพ
06:00 น. อุตุเตือน12จว. รับมือฝนหนัก ใต้คลื่นลมแรง ระวังการเดินเรือ
06:00 น. ปชน.ชูสโลแกน‘มีเรา ไม่มีเทา’ โวกวาด250สส. ขอเวลาดัน‘เท้ง’ขึ้นอันดับ1 พท.จองกฐินซักฟอกรัฐบาล
06:00 น. เชิญ‘หนู-วรภัค’แจง กมธ.มั่นคงลุยสอบ5พ.ย.นี้ เคลียร์ปมสแกมเมอร์/ทุนเทา
06:00 น. ‘เป้ อารักษ์’ ชวน ‘TIMETHAI’ ควบม้า เตรียมบุกทองหล่อ
ดูทั้งหมด
พร้อมกันหรือยัง!!! เปิดภาพพยากรณ์อากาศ 12-13 พ.ย. อุณหภูมิเย็นลงอีกครั้ง
มิติใหม่! 'หน้าเหมือนองค์หญิงมาก องค์หญิงจ๊ะ' สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงไลฟ์สดแต่งพระพักตร์ครั้งแรก (ชมคลิป)
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
'พี่ดี้'ถึงกับห่อเหี่ยวอดสู เห็นประกาศรับสมัครครูปฐมวัย เงินเดือน6,000บาท
(คลิป) 'สุภาพ-เรียบร้อย-ก้าวร้าว' เปรียบเทียบวุฒิภาวะ 3 รัฐมนตรีหญิง
ดูทั้งหมด
แบงก์ชาติต้องเข้ามาแทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนตัวโดยเร็ว
ความทรงจำถึงพระองค์ท่าน จากหอประชุมจุฬาฯ สู่สวนจิตรลดา (1)
เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
ฝ่ายทำงานจริง กับฝ่ายรอปั่นกระแส สร้างวาทกรรม
บุคคลแนวหน้า : 3 พฤศจิกายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจวีรบุรุษศึกเขมร ตอกย้ำ‘มีทหารไว้ทำไม’ ตีแสกหน้าบางพรรคทำลายความเสียสละทหารหนุ่ม

'สกลธี'ถามแทนใจคนกรุงฯ เมื่อไหร่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะ 25-30 บาท!?

‘โรม’แบไต๋ซักฟอกอาจไม่ต้องรอลุ้นถึงม.ค.69 บี้ถาม ‘พท.’ จี้จุดเยื่อใย ‘ธรรมนัส’

ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง! ‘อ.ไชยันต์’หนุนรัฐสางปม ใครคือคนสั่งทหารยิงคนในวัดปทุมฯ

สยอง! พบศพขาดครึ่ง ลอยติดเกาะกลางอ่าวสัตหีบ

รมว.กห.ประชุม ADMM ครั้งที่ 19 หนุนอาเซียนเป็นศูนย์กลางสู่สันติภาพยั่งยืน

  • Breaking News
  • พสกนิกรหลั่งไหลสักการะ  พระพันปีหลวง  กทม.เตรียมรับปชช.  เข้ากราบพระบรมศพ พสกนิกรหลั่งไหลสักการะ พระพันปีหลวง กทม.เตรียมรับปชช. เข้ากราบพระบรมศพ
  • อุตุเตือน12จว.  รับมือฝนหนัก  ใต้คลื่นลมแรง  ระวังการเดินเรือ อุตุเตือน12จว. รับมือฝนหนัก ใต้คลื่นลมแรง ระวังการเดินเรือ
  • ปชน.ชูสโลแกน‘มีเรา ไม่มีเทา’  โวกวาด250สส.   ขอเวลาดัน‘เท้ง’ขึ้นอันดับ1  พท.จองกฐินซักฟอกรัฐบาล ปชน.ชูสโลแกน‘มีเรา ไม่มีเทา’ โวกวาด250สส. ขอเวลาดัน‘เท้ง’ขึ้นอันดับ1 พท.จองกฐินซักฟอกรัฐบาล
  • เชิญ‘หนู-วรภัค’แจง  กมธ.มั่นคงลุยสอบ5พ.ย.นี้  เคลียร์ปมสแกมเมอร์/ทุนเทา เชิญ‘หนู-วรภัค’แจง กมธ.มั่นคงลุยสอบ5พ.ย.นี้ เคลียร์ปมสแกมเมอร์/ทุนเทา
  • ‘เป้ อารักษ์’ ชวน ‘TIMETHAI’ ควบม้า เตรียมบุกทองหล่อ ‘เป้ อารักษ์’ ชวน ‘TIMETHAI’ ควบม้า เตรียมบุกทองหล่อ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

หมุนตามทุน : อะไรที่ไทยควรทำกับเรื่อง “เหมือง Rare Earths”

หมุนตามทุน : อะไรที่ไทยควรทำกับเรื่อง “เหมือง Rare Earths”

29 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ราคาทองคำยังไปต่อ...แต่นักลงทุนต้องระวังจังหวะย่อตัว

หมุนตามทุน : ราคาทองคำยังไปต่อ...แต่นักลงทุนต้องระวังจังหวะย่อตัว

22 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ภาษีเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ...กระทบไทยหนัก

หมุนตามทุน : ภาษีเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ...กระทบไทยหนัก

15 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ยังพอลงทุนได้อีกหรือเปล่า???

หมุนตามทุน : ยังพอลงทุนได้อีกหรือเปล่า???

8 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : จับตา...อนาคตอุตสาหกรรมไทย

หมุนตามทุน : จับตา...อนาคตอุตสาหกรรมไทย

1 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : สแกน 3 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ ‘ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.’

หมุนตามทุน : สแกน 3 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ ‘ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.’

24 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

17 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

10 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved