nn จำได้ไหมประเด็นเรื่อง...ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4)...จากกระทรวงอุตสาหกรรม เคยเป็นประเด็นร้อนประเด็นฉาวเมื่อหลายปีมาก่อน…เพราะมีการพูดกันถึงตัวเลขค่าเสียเวลาว่า...ถ้าตั๋วเด็กก็ 7 หลัก...ถ้าวอล์กอินเข้าไปแบบไม่มีแบ๊กก็ 8 หลัก...!!เป็นปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการซึ่งสุดท้ายอดรนทนไม่ไหวก็ต้องไปร้องกับรัฐบาลสมัยนั้น(รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)...และในราวปี 2561 ก็มีการแก้ปัญหานี้ด้วยการออกกติกาใหม่ว่า โรงงานเดิมไม่ต้องขอต่ออายุ รง.4...ส่วนโรงงานใหม่ก็ลดขั้นตอนที่ซับซ้อนลง และลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ผ่านมา 5-6 ปี ถึงวันนี้ไม่น่าเชื่อว่าเรื่อง รง.4 กลับมามีประเด็นอีกจนได้...เมื่อมีผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)....ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนหลายแห่งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก กลับมาประสบปัญหาในการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ทั้งในส่วนของผู้ประกอบกิจการใหม่ และการขออนุญาตขยายโรงงานล่าช้า โดยการขอใบอนุญาตทั้ง 2 ประเภทของกรมโรงงานฯ ค้างอยู่ไม่ต่ำ100-200 ราย สร้างความเสียหายให้นักลงทุนอย่างมาก ทั้งที่ประเทศไทยตอนนี้ต้องการมูลค่าการลงทุนเพื่อเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับประสบปัญหาเรื่องการขอใบอนุญาต รง.4
“กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมาปัญหาการขอใบอนุญาต รง.4เป็นประเด็นร้อนที่นักลงทุนจากทั่วโลกที่เข้ามาลงทุนในไทยร้องเรียนอย่างหนักว่าขั้นตอนยุ่งยาก ล่าช้าอย่างมาก ซึ่งปัญหานี้เริ่มกลับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำไมปัญหากลับมาอีกแล้ว ทั้งที่รัฐบาลก็ประกาศเรื่องอำนวยความสะดวกนักลงทุน แต่ใบ รง.4 กลับเป็นตัวถ่วงอย่างหนัก บางรายเอกสารครบถ้วน รอแค่เซ็นใบอนุญาตจากผู้บริหาร รอมาเป็นปีแล้วแต่ทุกอย่างดูติดๆ ขัดๆ ล่าช้าไปหมดไม่รู้ว่าติดปัญหาอะไรกันแน่” ผู้ประกอบการรายดังกล่าวระบุ
เมื่อมีข่าวนี้ออกมาผ่านสื่อหลายสำนัก...ก็มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เรียก น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรมไปพบเพื่อสอบถามถึงปัญหาใบอนุญาต รง.4กรณีที่มีข่าวว่าเกิดปัญหาความล่าช้าในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4)และยังรอการอนุมัติกว่า 200 ราย
แน่นอนว่าเหตุที่นายกฯ ต้องลงมาแทคแอ๊กชั่นเรื่องนี้ เพราะกังวลจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะตลอดช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา นายกฯได้เดินสายไปพบนักลงทุนต่างชาติหลายรายและเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย หากไทยยังมีปัญหานี้สิ่งที่นายกฯทำไปก็จะไม่เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมพูดง่ายๆ ก็จะไม่มีใครมาสนใจเข้ามาลงทุน ดังนั้นนายกฯจึงต้องกำชับให้ รมว.อุตสาหกรรมเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน
ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้กล่าวว่าถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตัวเธอเองก็ได้รับการร้องเรียนมาเช่นกัน และได้เรียกประชุมในวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา (ก่อนที่จะมีข่าวเรื่องที่ผู้ประกอบการออกมาโวย) โดยสั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมรวบรวมข้อมูลการขออนุญาตที่ค้างอยู่ในระบบทั้งหมดว่าอยู่ในระบบนานเท่าไร สาเหตุของการตกค้าง และเรื่องดังกล่าวอยู่ที่ใด โดยต้องกำหนดแนวทางในการจัดการคำขออนุญาตมาแจ้งตนใน 30 วัน หรือการประชุมวันที่ 26 มี.ค.ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจสอบ พบว่ายังตกค้างอยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรมกว่า 100 เรื่อง ไม่สามารถออกให้แก่ภาคเอกชน อาจเกิดจากเอกสารประกอบการพิจารณาไม่ครบถ้วน การรอข้อมูลจากหน่วยงานภายนอก เช่น การขออนุญาตโรงไฟฟ้า หรือโรงแปรรูปไม้หรืออาจเกิดจากการทำงานที่เป็นการตั้งรับมากกว่าเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นต้องเร่งเคลียร์ใบอนุญาตที่ค้างในระบบของกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ต้องผ่านหลายขั้นตอน หลายฝ่าย หลายโต๊ะหลายคน ทำให้ขาดประสิทธิภาพ เรื่องนี้ยอมไม่ได้ ต้องเร่งเคลียร์ เร่งอนุญาตให้แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการโดยเร็ว ต่อไปต้องเร่งปรับปรุงกระบวนการพิจารณาออกใบอนุญาตให้เป็นวันสต๊อปเซอร์วิสอย่างแท้จริง เพื่อลดระยะเวลาการออกใบอนุญาต และให้ทุกคำขออยู่ภายในกรอบเวลาของคู่มือการให้บริการประชาชน” รมว.อุตฯ กล่าว
หมุนตามทุน...ขออธิบายข้อมูลเพิ่มเติมว่า...การอนุญาตโรงงานนั้น กรณี โรงงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ทางโรงงานจะต้องยื่นเรื่องที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ส่วนกรณีโรงงานอยู่ต่างจังหวัด ทางโรงงานจะต้องยื่นเรื่องที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ซึ่งจะมีทั้งกรณีที่ สอจ. สามารถออกใบอนุญาตได้เอง และกรณีที่ สอจ. ต้องส่งเรื่องให้ กรอ. เป็นผู้ออกใบอนุญาต
หากเป็นโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมประเภท 101,105,106 และโรงงานตามนโยบาย เช่น โรงงานน้ำตาล โรงผลิตไฟฟ้า โรงงานที่ต้องทำ EIA ทาง สอจ. จะต้องส่งเรื่องให้ กรอ. เป็นผู้ออกใบอนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่ ประเด็นที่ล่าช้ามาจากการพิจารณาโรงงานประเภท 105 และ 106 หลังจากที่ สอจ. ส่งเรื่องให้ กรอ. แล้ว ทาง กรอ.ใช้เวลาพิจารณานานเป็นเดือน
กรณีที่เป็นโรงงานทั่วไป เช่น โรงงานผลิตอาหาร, โรงงานพลาสติก, โรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ, โรงงานผลิตสินค้าทั่วไป ที่ไม่ใช่โรงงานตามนโนบาย ทาง สอจ. ออกใบอนุญาตได้ เฉพาะโรงงานที่มีเครื่องจักร ไม่เกิน 500 แรงม้า และออกใบอนุญาตขยายโรงงานได้ ที่มีเครื่องจักรเดิมรวมส่วนขยาย ไม่เกิน 600 แรงม้า เท่านั้น หากการออกใบอนุญาตที่มีเครื่องจักร เกิน 500 แรงม้า และออกใบอนุญาตขยายโรงงาน ที่มีเครื่องจักรเดิมรวมส่วนขยาย เกิน 600 แรงม้า ทาง สอจ. จะต้องส่งเรื่องให้ กรอ. เป็นผู้พิจารณาอนุญาต ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เรื่องค้างอยู่ กรอ. ค่อนข้างมาก
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี