ภาวะขาโก่ง (bowled leg) เป็นภาวะหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยมักสังเกตได้ชัดเจนในช่วงที่เด็กเริ่มเดิน ซึ่งก็มักสร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่และผู้ปกครองเป็นอย่างมากว่าลูกจะมีขาผิดรูปหรือไม่ รวมทั้งยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับภาวะขาโก่งในเด็กอยู่มากมายยิ่งทำให้เกิดความสับสน ซึ่งอันที่จริงภาวะขาโก่งในเด็กส่วนมากที่พบจะเป็นขาโก่งตามธรรมชาติ (physiologic bowled leg) ที่สามารถหายได้เอง กล่าวคือในมนุษย์เรานั้นจากการศึกษาพบว่าเมื่อแรกเกิดนั้นขาจะโก่งทุกคนแต่ขาจะค่อยๆ กลับตรงขึ้นเองตามอายุและในที่สุดขาจะกลับมาตรงตามปกติได้โดยไม่ต้องทำการรักษาใดๆ
แต่มีเด็กส่วนหนึ่งที่ขายังคงโก่งผิดรูปไม่ดีขึ้นตามที่ควรจะเป็นหรือเป็นภาวะขาโก่งแบบที่เป็นโรค (pathologic bowled leg) ที่มีสาเหตุได้หลายอย่าง และจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ในการสังเกตเบื้องต้นว่าเด็กที่มีภาวะขาโก่งนั้นเป็นขาโก่งตามธรรมชาติหรือขาโก่งที่แบบเป็นโรคนั้นอาจสังเกตเบื้องต้นได้จาก
1. อายุ
ดังที่กล่าวข้างต้นว่าโดยปกติแล้วเด็กทุกคนจะมีภาวะขาโก่งตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เมื่อโตขึ้นขาจะค่อยๆตรงขึ้นได้เองและควรมีขาที่ตรงเมื่ออายุประมาณ 2 ปี ดังนั้นถ้าเด็กมีอายุมากกว่า 2 ปีแล้วแต่ยังคงมีขาที่โก่งอยู่ควรปรึกษาแพทย์เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นขาโก่งแบบที่เป็นโรค
2. ขาที่โก่งนั้นเป็นทั้ง 2 ข้างหรือไม่
ภาวะขาโก่งตามธรรมชาติ ขาควรจะโก่งทั้ง 2 ข้าง หากเด็กมีภาวะขาโก่งข้างเดียวหรือความโก่งผิดรูปของขาทั้ง 2 ข้างต่างกันมากอย่างชัดเจนน่าจะเป็นขาโก่งแบบที่เป็นโรค
3. ความอ้วน
จากการศึกษาพบว่าความอ้วนของเด็กนั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากที่ทำให้เป็นโรคขาโก่ง ดังนั้นหากพบว่าเด็กมีภาวะขาโก่งร่วมกับมีน้ำหนักตัวสูงกว่าเกณฑ์จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นขาโก่งแบบเป็นโรค
4. เริ่มเดินได้เร็ว
จากรายงานทางการแพทย์พบว่าการที่เด็กเริ่มเดินได้เร็วกว่าปกติ เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของการเกิดภาวะขาโก่ง
ในภาวะขาโก่งที่เป็นโรคจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันความผิดรูปของขาหรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงในอนาคตเช่นภาวะข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร โดยการรักษาในปัจจุบันนั้นอาจทำได้โดยการใส่อุปกรณ์ดามขาหรือการผ่าตัด ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงความรุนแรงและอายุของผู้ป่วยด้วยเพราะหากเริ่มทำการรักษาช้าเกินไปอาจทำให้ผลการรักษาไม่ดี
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับภาวะขาโก่ง
ในการรักษาผู้ป่วยเด็กขาโก่งนั้นพบว่ายังมีความเชื่อผิดๆอยู่หลายอย่างเช่น
- ลูกขาโก่งเพราะใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
ความเชื่อนี้ไม่จริง อาจเป็นเพราะช่วงที่เด็กยังเล็กเมื่อใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจะเห็นว่าขาโก่งแต่นั่นเป็นภาวะขาโก่งตามธรรมชาติของเด็กเล็กอยู่แล้ว และไม่มีรายงานทาวการแพทย์ที่พบว่าการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคขาโก่งได้
- อุ้มลูกเข้าเอวทำให้ขาโก่ง
เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง การอุ้มลูกนั้นไม่ว่าท่าใดก็ไม่ใช้สาเหตุที่ทำให้เกิดขาโก่ง
-การดัดขาหรือใช้ผ้ารัดขาเด็กช่วยให้ขาหายโก่ง
เป็นความเชื่อที่เชื่อกันมากแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความจริง อาจเนื่องมาจากการที่ในอดีตมีผู้ปกครองที่สังเกตว่าลุกขาโก่งแล้วพยายามดัดหรือใช้ผ้ารัดขาคู่กันแล้วพบว่าต่อมาเด็กขาโก่งลดลง แต่ในความเป็นจริงน่าจะเกิดจากเป็นภาวะขาโก่งตามธรรมชาติซึ่งจะดีขึ้นเองอยู่แล้วเมื่อเด็กโตมากขึ้นแม้ไม่ได้รับการรักษาใดๆ แต่ถ้าหากเป็นภาวะขาโก่งที่เป็นโรคการดัดขาหรือการใช้ผ้าพันจะไม่สามารถรักษาได้และทำให้เด็กเกิดความเจ็บปวดรวมถึงอาจทำให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมล่าช้าออกไป
นพ. ปวริศร สุขวนิช
ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อ อาจารย์ประจำ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศิษย์เก่าแพทย์ มศว
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ ผ่าน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาคณะแพทยศาสตร์ มศว
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 283-212990-9
เอกสารอ้างอิง
1. James R. Kasser. the foot. Lovell & Winter's Pediatric Orthopaedics, 6th Edition, 2006 Lippincott Williams & Wilkins
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี